คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยซึ่งมีข้อความว่า จำเลยตกลงกลับเข้าทำงานให้แก่โจทก์มีกำหนดเวลา 3 เท่าของเวลาที่ลาไปศึกษา หากจำเลยผิดสัญญาทำงานไม่ครบตามกำหนดเวลาเนื่องจากความผิดของจำเลย จำเลยจะชดใช้เงินจำนวน 285,750.19 บาท และ 53,559.89 เหรียญสหรัฐอเมริกาพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่ผิดสัญญาให้แก่โจทก์ ข้อตกลงที่จะชดใช้เงินดังกล่าวย่อมเป็นเบี้ยปรับ เมื่อจำเลยผิดสัญญาและศาลแรงงานกลางเห็นว่าเบี้ยปรับสูงเกินไปก็ย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยได้รับทุนจากองค์การเอไอดี ผ่านกรมวิเทศสหการไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าพาหนะให้จำเลย จำเลยทำสัญญากับโจทก์ว่า จำเลยจะต้องกลับมาทำงานให้โจทก์เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสองเท่าของระยะเวลาที่รับเงินเดือนระหว่างลาไปศึกษา หากทำงานให้ไม่ครบระยะเวลาดังกล่าว จำเลยยอมชดใช้เงินให้จำเลยศึกษาสำเร็จแล้วได้กลับมาทำงานให้โจทก์ แล้วต่อมาได้ลาออกโดยเหลือระยะเวลาที่จำเลยต้องทำงานชดใช้ให้โจทก์อีก 2 ปี 5 เดือน5 วัน จำเลยต้องใช้เงินให้โจทก์ตามที่ตกลงกัน ต่อมาวันที่ 16กันยายน 2530 จำเลยขอกลับเข้าทำงานกับโจทก์ใหม่เพื่อชดใช้ทุนดังกล่าว โจทก์รับเข้าทำงานและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันมีใจความสำคัญว่า จำเลยตกลงกลับเข้าทำงานให้โจทก์มีกำหนด 3 เท่าของเวลาที่ไปศึกษา หากผิดสัญญาทำงานไม่ครบตามกำหนดเวลาดังกล่าวเนื่องจากความผิดของจำเลย จำเลยจะชดใช้เงินจำนวน 285,750.19 บาทและ 52,559.89 เหรียญสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์ปลดจำเลยออกจากงานฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และถือว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะทำงานให้โจทก์ไม่ครบเวลาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะความผิดของจำเลย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า การที่โจทก์ปลดจำเลยออกจากงานมิใช่ความผิดของจำเลย จำเลยมิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน1,303,866.60 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดสัญญา (วันที่ 18 กรกฎาคม 2531) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเอกสารหมาย จ.16 เป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลย ซึ่งตามข้อ 2 จำเลยตกลงกลับเข้าทำงานให้แก่โจทก์มีกำหนดเวลา 3 เท่าของเวลาที่ลาไปศึกษา โดยนับแต่วันกลับเข้าทำงานใหม่ กล่าวคือมีกำหนด 4 ปี 3 เดือน 15 วัน และตามข้อ 3 หากจำเลยผิดสัญญาทำงานไม่ครบกำหนดเวลาตามข้อ 2 เนื่องจากความผิดของจำเลย จำเลยจะชดใช้เงินจำนวน 285,750.19 บาท และ 52,559.89 เหรียญสหรัฐอเมริกาพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่ผิดสัญญาให้แก่โจทก์ถือได้ว่าข้อตกลงตามข้อ 3 เป็นเบี้ยปรับเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 เมื่อเบี้ยปรับนั้นมีจำนวนสูงเกินไป ศาลแรงงานกลางมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจนำเวลา 10 เดือน 3 วันที่จำเลยทำงานให้โจทก์มาคำนวณลดจำนวนเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 3 จึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share