แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการชี้สองสถานกับวันนัดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษา ดังนี้ จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค 4 ฉบับจำนวนเงิน191,220 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแต่ละฉบับ เป็นเงิน13,965 บาท จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบเช็คทั้ง 4 ฉบับตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเช็คที่มูลหนี้ได้ระงับสิ้นแล้วโจทก์ได้ฟ้องจำเลยโดยอาศัยเช็คทั้ง 4 ฉบับ ต่อศาลอาญา ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คศาลวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์จึงไม่มีสิทธินำเช็คทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวมาฟ้องเพื่อเรียกร้องเอาเงินและคิดดอกเบี้ยจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง ในวันชี้สองสถาน วันที่ 16 มีนาคม 2530 ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า เช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ ตามฟ้องมีมูลหนี้หรือไม่ โดยให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน รุ่งขึ้นวันที่ 17 มีนาคม 2530 ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องทำการสืบพยาน จึงให้เพิกถอนรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม 2530 และให้งดสืบพยาน กับให้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 16 เมษายน 2530 เวลา10 นาฬิกา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 191,220 บาทและดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามต้นเงินในเช็คแต่ละฉบับนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คฉบับนั้น ๆ เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินแก่โจทก์เสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 13,965 บาท ตามที่โจทก์ขอ จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิพาทยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานนั้นไม่ชอบ เพราะจำเลยมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนวันสืบพยานว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ มาจากผู้ทรงคนก่อนด้วยคบคิดกันฉ้อฉล พิเคราะห์แล้วข้อกฎหมายดังกล่าวจำเลยได้ยกขึ้นอ้างอิงในการยื่นอุทธรณ์และกล่าวไว้ชัดแจ้งในอุทธรณ์แล้ว แต่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก ศาลฎีกาเห็นว่า แม้คำสั่งศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 17 มีนาคม 2530 ที่ให้เพิกถอนรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม 2530 นั้น เป็นการเพิกถอนการชี้สองสถานกับวันนัดสืบพยานเสียทั้งหมด เพราะศาลชั้นต้นมิได้ชี้ขาดตัดสินคดีไปตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดไว้ แต่ก็ปรากฏว่าทนายจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้แต่วันที่ 23 มีนาคม2530 โดยศาลชั้นต้นได้แจ้งคำสั่งในหมายนัดนั้นด้วยว่า ศาลได้ยกเลิกกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16 มีนาคม 2530 และให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย กับได้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 16 เมษายน 2530 เวลา10 นาฬิกา ซึ่งจำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา แต่จำเลยก็ไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเข้ามาดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจึงไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน