คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการชี้สองสถานกับวันนัดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษา ดังนี้ จำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 4 ฉบับ จำนวนเงิน191,220 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแต่ละฉบับเป็นเงิน 13,965 บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เช็คทั้ง 4ฉบับ ตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเช็คที่มูลหนี้ได้ระงับสิ้นแล้ว โจทก์ได้ฟ้องจำเลยโดยอาศัยเช็คทั้ง 4 ฉบับต่อศาลอาญา ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน พิพากษาให้ยกฟ้องเมื่อวันที่ 2ธันวาคม 2529 ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1694/2529 โจทก์จึงไม่มีสิทธินำเช็คทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวมาฟ้องเพื่อเรียกร้องเอาเงินและคิดดอกเบี้ยจากจำเลย
ในวันนัดชี้สองสถาน วันที่ 16 มีนาคม 2530 ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า เช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ ตามฟ้องมีมูลหนี้หรือไม่โดยให้จำเลยเป็นฝ่ายน_สืบก่อน รุ่งขึ้นวันที่ 17 มีนาคม 2530ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องทำการสืบพยาน จึงให้เพิกถอนรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม 2530 และให้งดสืบพยาน กับให้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 16 เมษายน 2530 เวลา 10นาฬิกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 191,220 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามต้นเงินในเช็คแต่ละฉบับนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คฉบับนั้น ๆ เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินแก่โจทก์เสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องรวมกันแล้วต้องไม่เกิน13,965 บาท ตามที่โจทก์ขอ และให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานนั้นไม่ชอบเพราะจำเลยมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนวันสืบพยานว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ มาจากผู้ทรงคนก่อนด้วยคบคิดกันฉ้อฉล พิเคราะห์แล้ว ข้อกฎหมายดังกล่าวจำเลยได้ยกขึ้นอ้างอิงในการยื่นอุทธรณ์และกล่าวไว้ชัดแจ้งในอุทธรณ์แล้วแต่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก ศาลฎีกาเห็นว่าแม้คำสั่งศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 17 มีนาคม 2530 ที่ให้เพิกถอนรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม 2530 นั้น เป็นการเพิกถอนการชี้สองสถานกับวันนัดสืบพยานเสียทั้งหมด เพราะศาลชั้นต้นมิได้ชี้ขาดตัดสินคดีไปตามประเด็นข้อพิพาทที่กำหนดไว้ แต่ก็ปรากฏว่าทนายจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้แต่วันที่ 23มีนาคม 2530 โดยศาลชั้นต้นได้แจ้งคำสั่งในหมายนัดนั้นด้วยว่าศาลยกเลิกกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16 มีนาคม 2530 และให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย กับได้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 16 เมษายน 2530 เวลา 10 นาฬิกาซึ่งจำเลยอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา แต่จำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเข้ามา ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยาน จึงไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบดังที่จำเลยฎีกา…”
พิพากษายืน

Share