คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาของศาลชั้นต้น จำคุก 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าว จำเลยที่ 2 กระทำความผิดในคดีนี้อีก เมื่อศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยที่ 2 ฟัง จำเลยที่ 2 ก็ได้ให้การว่า “…จำเลยที่ 2 ขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง” คำให้การของจำเลยที่ 2 ที่รับสารภาพตามฟ้องดังกล่าวย่อมหมายความรวมถึงการรับว่าจำเลยที่ 2 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องด้วย จึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 92 เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมาย บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.3723/2545 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ และคืนธนบัตรจำนวน 300 บาท ที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 2 รับว่าเคยต้องโทษและพันโทษมาแล้วจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 4 ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 4 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 5 ปี 4 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 2 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 4 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 2 ปี 8 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 5 ปี 4 เดือน บวกโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.3723/2545 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี 10 เดือน คืนธนบัตรจำนวน 300 บาท ที่ใช้ล่อซื้อให้แก่เจ้าของ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.3723/2545 ของศาลชั้นต้น มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่นำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.3723/2545 ของศาลชั้นต้น มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ ชอบหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.3723/2545 ของศาลชั้นต้น จำคุก 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าว จำเลยที่ 2 กระทำความผิดในคดีนี้อีก เมื่อศาลชั้นต้นอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยที่ 2 ฟัง จำเลยที่ 2 ก็ได้ให้การว่า “…จำเลยที่ 2 ขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง” คำให้การจำเลยที่ 2 ที่รับสารภาพตามฟ้องดังกล่าวจึงย่อมหมายรวมถึงการรับว่า จำเลยที่ 2 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องด้วย จึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้คดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่นำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.3723/2545 ของศาลชั้นต้น มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้นั้น เป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ภายหลังจากจำเลยทั้งสองกระทำความผิดในคดีนี้ ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน โดยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย บทความผิดตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ ส่วนความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนบทความผิดตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยทั้งสอง คดีนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 เม็ด น้ำหนัก 0.360 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 3 เม็ด น้ำหนัก 0.270 กรัม โดยไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนทั้งสองจำนวนดังกล่าวมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด กรณีความผิดทั้งสองฐานต้องด้วยบทกำหนดโทษตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งเป็นคุณมากกว่ากฎหมายเดิม จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่บังคับแก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225″
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้นำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย.3723/2545 ของศาลชั้นต้น มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share