แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน และฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกเพียงกระทงละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ยกฟ้อง สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย แต่พิพากษายืนสำหรับความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยจะฎีกาโต้แย้งในปัญหาว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษา ยืนให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปีไม่ได้ เพราะเป็นการโต้แย้ง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จุดที่พบเมทแอมเฟตามีนเป็นบริเวณป่าละเมาะมีทางเดินผ่าน ซึ่งบุคคลที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ปลูกอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ บ้านจำเลย และบุคคลทั่วไปสามารถเดินผ่านไปมาได้และบุคคลที่เดินผ่าน สามารถเข้าไปยังจุดที่พบเมทแอมเฟตามีนซึ่งซ่อนอยู่ใกล้ ๆ ทางเดินได้โดยสะดวกเพราะไม่มีรั้วกั้น แม้สิบตำรวจเอกอ. จะเห็นจำเลยเดินไปข้างบ้านก่อนจะนำสิ่งของมามอบให้แก่สายลับ แต่ก็ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าจำเลยเดินไปด้านหน้าหรือด้านหลังบ้านและ เดินไปไกลเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยจะเดินไปถึง จุดที่พบเมทแอมเฟตามีนหรือไม่สิบตำรวจเอกอ.ไม่เห็นพยานหลักฐานโจทก์ในส่วนนี้ยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67 และ 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้จำคุก 5 ปี กระทงหนึ่งและฐานจำหน่ายให้จำคุกอีก 5 ปี อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุก 10 ปีริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบ้านจำเลยพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน460 บาท อยู่ในกระป่องใส่สตางค์ของจำเลย และพบเมทแอมเฟตามีนซ่อนอยู่ที่พื้นดินนอกบ้านจำเลยห่างประมาณ 3 เมตร อีกจำนวน33 เม็ดที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน และฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกเพียงกระทงละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาให้ยกฟ้องสำหรับกระทงความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่พิพากษายืนสำหรับกระทงความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำเลยจะฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อนี้ว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดสำหรับกระทงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายืน ให้ลงโทษ จำคุกไม่เกินห้าปีไม่ได้เพราะเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาจำเลยมานั้นไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย สำหรับปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่นั้น โจทก์มีสิบตำรวจเอกอาณัติเป็นพยานเบิกความว่าเมื่อสายลับมอบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อให้แก่จำเลย จำเลยเดินไปข้างบ้านแล้วนำสิ่งของมามอบให้แก่สายลับ และมีนายดาบตำรวจปัญญาเป็นพยานเบิกความว่า พบเมทแอมเฟตามีนซ่อนอยู่ที่พื้นดินซึ่งเป็นป่าละเมาะนอกบ้านจำเลยห่างประมาณ 3 เมตร และมีทางเดินผ่านเห็นว่า ที่พบเมทแอมเฟตามีนเป็นบริเวณป่าละเมาะมีทางเดินผ่านซึ่งบุคคลที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ปลูกอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ บ้านจำเลยอีกหลายหลังตามภาพถ่ายหมาย จ.7 (ภาพที่ 1 ที่ 4 และที่ 5)และบุคคลทั่วไปสามารถเดินผ่านไปมาได้และบุคคลที่เดินผ่านสามารถเข้าไปยังจุดที่พบเมทแอมเฟตามีนซึ่งซ่อนอยู่ใกล้ ๆ ทางเดินได้โดยสะดวกเพราะไม่มีรั้วกั้นอีกประการหนึ่งแม้สิบตำรวจเอกอาณัติจะเห็นจำเลยเดินไปข้างบ้านก่อนจะนำสิ่งของมามอบให้แก่สายลับแต่ก็ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าจำเลยเดินไปด้านหน้าหรือด้านหลังบ้านและเดินไปไกลเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยจะเดินไปถึงจุดที่พบเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ สิบตำรวจเอกอาณัติก็ไม่เห็นพยานหลักฐานโจทก์ในส่วนนี้ยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 30 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานนี้ชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน