คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับ โจทก์ต่อมาจำเลยที่ 2 มอบเช็คให้ ส.นำไปแลกเงินจาก โจทก์ โดยมีจดหมายไปถึงพนักงานสินเชื่อของโจทก์ให้จัดการ เรื่องแลกเช็คกระดาษที่เขียนก็เป็นกระดาษแบบพิมพ์ของ จำเลยที่ 1 มีตราและชื่อโรงพยาบาลบนหัวกระดาษข้อความก็ ระบุว่ากำลังขยายโรงพยาบาลจำเลยที่ 1เช่นนี้ ย่อมทำให้ โจทก์เข้าใจว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่โรงพยาบาลจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทรงและเงินที่แลกไปนั้นต้องนำไปใช้ในกิจการของ โรงพยาบาลจำเลยที่ 1 ดังนั้นแม้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็น กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 ลงชื่อสลักหลังแต่ผู้เดียว โดยมิได้ประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 ก็ตามแต่พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงว่า จำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จึง ต้องรับผิด
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินมี อายุความฟ้องร้อง 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาขายลดตั๋วเงินกับโจทก์ในวงเงินทุกขณะที่นำมาขายไม่เกิน 150,000 บาท มีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม และจำเลยที่ 3 ได้จำนองที่ดินเป็นประกันด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ขายลดเช็คแก่โจทก์ 3 ฉบับ รวมเป็นเงิน 150,600 บาท เช็คทั้ง 3 ฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระเงินหรือเอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ศาลสั่งจำหน่ายคดี
จำเลยที่ 3 ให้การว่า การที่จะผูกพันจำเลยที่ 1 จะต้องมีจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อพร้อมประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 เช็คทั้งสามฉบับจำเลยที่ 2 ลงชื่อสลักหลังและสั่งจ่ายในฐานะส่วนตัว ไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิด เช็คขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดชำระให้โจทก์เป็นเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้นำทรัพย์ที่จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระ
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้ตกลงขายลดตั๋วเงินให้โจทก์ในวงเงินไม่เกิน 150,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 2 มีหนังสือถึงนายฮวดพนักงานสินเชื่อของโจทก์ให้จัดการเรื่องแลกเช็ค กระดาษที่จำเลยที่ 2 เขียนถึงนายฮวดนั้นเป็นกระดาษแบบพิมพ์ของบริษัทจำเลยที่ 1 มีตราและชื่อโรงพยาบาลมหานครของจำเลยที่ 1บนหัวกระดาษ การที่จำเลยที่ 2 มอบเช็คให้นางสาวสุนันทารัตน์ไปแลกเงินกับโจทก์นั้นก็ได้ระบุตำแหน่งว่าเป็นสมุห์บัญชีโรงพยาบาลจำเลยที่ 1 และบอกด้วยว่าจำเลยที่ 2กำลังขยายโรงพยาบาลจำเลยที่ 1 เช่นนี้ย่อมทำให้โจทก์เข้าใจว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่โรงพยาบาลจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทรงและเงินที่แลกไปนั้นต้องนำไปใช้ในกิจการของโรงพยาบาลจำเลยที่ 1 ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าเช็ค 3 ฉบับที่นางสาวสุนันทารัตน์นำไปแลกเงินกับโจทก์เป็นเช็คที่บริษัทจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทรง และเงินที่แลกไปนั้นได้นำไปใช้ในกิจการของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1ลงชื่อสลักหลังแต่ผู้เดียวโดยมิได้ประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงว่าจำเลยที่ 1 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในการที่จำเลยที่ 2 มอบเช็ค 3 ฉบับดังกล่าวให้นางสาวสุนันทารัตน์ไปแลกเงินมาจากโจทก์ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในวงเงิน 150,000 บาท และได้จำนองที่ดินไว้แก่โจทก์ จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1
โจทก์ฟ้องคดีนี้อันเนื่องมาจากสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินที่บริษัทจำเลยที่ 1 ทำไว้แก่บริษัทโจทก์ จึงมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี
พิพากษายืน

Share