คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยกับพวกนั่งรออยู่ในห้องโถงชั้นล่างของโรงแรมอันเป็นสถานที่เปิดเผยก็เพื่อการค้าประเวณี โดยแสดงตัวให้ชายที่มาเที่ยวพบเห็นเพื่อจะได้ร่วมประเวณีด้วยเท่ากับจำเลยได้แนะนำตัวในที่อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 5 (1) แล้ว

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้กระทำเพื่อการค้าประเวณี โดยบังอาจเตร็ดเตร่หรือคอยอยู่ที่โรงแรมอันเป็นสาธารณสถานในลักษณะหรืออาการที่เห็นได้ว่าเป็นการเรียกร้องติดต่อในการค้าประเวณี และตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้เข้าติดต่อชักชวนแนะนำตัวกับผู้มีชื่อในสถานที่ดังกล่าวอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๕(๑)(๒)
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อการค้าประเวณี เข้าลักษณะที่ระบุไว้ในมาตรา ๕(๓)โดยตรง ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยกับพวกนั่งรออยู่ในห้องโถงชั้นล่างของโรงแรมอันเป็นสถานที่เปิดเผย ก็เพื่อการค้าประเวณีโดยแสดงตัวให้ชายที่มาเที่ยวพบเห็นเพื่อจะได้ร่วมประเวณีด้วย เท่ากับจำเลยได้แนะนำตัวในที่อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๕(๑) แล้ว
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๕(๑) ให้ปรับคนละ ๒๐๐ บาทไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐

Share