คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2320/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกคำสั่งให้ ม. รื้อถอนอาคารพิพาท แม้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตรเขยและบุตรสาวของ ม. จะเป็นผู้ครอบครองอาคารพิพาท และเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้นำคำสั่งไปปิดไว้ที่อาคารพิพาทโดยได้อ่านคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ฟังก่อนที่จะปิดประกาศคำสั่งดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นมิได้มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารพิพาทด้วย คำสั่งดังกล่าวจึงไม่มีผลถึงจำเลยทั้งสองให้ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นดังกล่าวด้วย จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ผู้ครอบครองรื้อถอนอาคารพิพาทที่ปลูกสร้างและต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1), 108 ทวิ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 21, 40, 42, 65, 66 ทวิ, 69, 70, 71 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 และขอให้คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทนและบริวารของจำเลยทั้งสองออกไปจากที่ดินแปลงดังกล่าว
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 40, 42, 66 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสองประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 3 เดือน ปรับคนละ 10,000 บาท และปรับจำเลยทั้งสองวันละ 100 บาท ต่อคน นับแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้รื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 40, 52 (ที่ถูก 42), 66 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากัน และเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในอาคารพิพาทซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหนังสือถึงนางมะลิ มารดาจำเลยที่ 2 ให้รื้อถอนอาคารพิพาท และนำคำสั่งไปปิดไว้ที่อาคารพิพาทโดยได้อ่านคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของนางมะลิทราบก่อนปิดประกาศแล้ว แต่ไม่มีการรื้อถอนภายในกำหนด เจ้าพนักงานท้องถิ่นจึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ผู้ครอบครองรื้อถอนอาคารพิพาทที่ปลูกสร้างและต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทไปยังนางมะลิมารดาจำเลยที่ 2 ย่อมหมายถึงจำเลยทั้งสองซึ่งครอบครองใช้สอยทำประโยชน์ในอาคารที่แท้จริงด้วยนั้น เห็นว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้รื้อถอนอาคารพิพาท เป็นคำสั่งให้นางมะลิรื้อถอนอาคารพิพาทแม้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตรเขยและบุตรสาวของนางมะลิจะเป็นผู้ครอบครองอาคารพิพาทและเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้นำคำสั่งไปปิดไว้ที่อาคารพิพาทโดยได้อ่านคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ฟังก่อนที่จะปิดประกาศคำสั่งดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่การตีความกฎหมายที่มีโทษทางอาญาจะตีความในทางขยายความให้เป็นผลร้ายหรือเป็นโทษแก่จำเลยทั้งสองย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้นางมะลิรื้อถอนอาคารพิพาทโดยมิได้มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารพิพาทด้วย คำสั่งดังกล่าวจึงมีผลบังคับให้นางมะลิต้องปฏิบัติตามเท่านั้น ไม่มีผลถึงจำเลยทั้งสองให้ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นดังกล่าวด้วย จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ผู้ครอบครองรื้อถอนอาคารพิพาทที่ปลูกสร้างและต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share