แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีอาญาเรื่องบุกรุกกับคดีแพ่งขอให้ขับไล่มีประเด็นโดยตรงว่าที่พิพาทเป็นของใครเมื่อในคดีอาญาศาลฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของ ท. จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยการเช่าคดีแพ่งจึงต้องถือตามคดีส่วนอาญาว่าที่พิพาทไม่ใช่ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ด้วย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาท ให้ส่งมอบแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ได้ความว่าเมื่อวันที่ 29 เมษายน2519 โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้ขอให้ขับไล่ ต่อมาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2519จำเลยได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้และนายประพัฒน์ กุสุมานนท์ เป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 518/2519 คดีหมายเลขแดงที่ 604/2520 ข้อหาบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์พิพากษาก่อนคดีนี้ให้ยกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้ว
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 518/2519 คดีหมายเลขแดงที่ 604/2520 ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของพลตำรวจโทเทพ ศุภสมิต ตามตราจองที่ 114 จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยการเช่า จึงอ้างการครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้ คดีนี้จำเลยโต้เถียงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยไม่เคยเช่าจากพลตำรวจโทเทพ ศุภสมิต ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงในคดีอาญาซึ่งศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้ว คดีนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 จึงพิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยได้ครอบครองมากว่า10 ปีแล้ว ที่พิพาทไม่สมบูรณ์จะเป็นตราจอง เห็นว่าในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 518/2519 คดีหมายเลขแดงที่ 604/2520 กับคดีนี้มีประเด็นโดยตรงอย่างเดียวกันว่าที่พิพาทเป็นของใคร ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 518/2519 คดีหมายเลขแดงที่ 604/2520 ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ฟ้องข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่ของพลตำรวจโทเทพ ศุภสมิต ตามมาตราจองเลขที่ 114 จำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยการเช่า จึงอ้างครอบครองโดยปรปักษ์ไม่ได้ ดังนี้ถือว่าศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ชี้ขาดคดีส่วนอาญาแล้วว่าที่พิพาทไม่ใช่ของจำเลยครอบครองโดยปรปักษ์ คดีนี้จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัย”
พิพากษายืน