แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่า ไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พร้อมด้วยกระสุนปืน 5 นัด กับปลอกกระสุนปืน 1 ปลอกของนาย ช. ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๒๙๕, ๓๓๙, ๓๔๐ ตรี, ๓๗๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔, ๑๕ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๑๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๓, ๖, ๗ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ จำคุก ๒ เดือน และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๓, ๖, ๗ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต จำคุก ๑ ปี ข้อหาฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก ๖ เดือน รวมเป็นโทษจำคุก ๑ ปี ๘ เดือน ของกลางตามบัญชีทรัพย์ของกลางคดีอาญาตามเอกสารหมาย จ.๒ คือ อาวุธปืนลูกซองพกพร้อมกระสุน ๑ นัดซึ่งเป็นของจำเลย อาวุธปืนลูกโม่พร้อมกระสุน ๕ นัด ปลอกกระสุนปืน ๑ ปลอก ซึ่งเป็นของนายชำนาญ ศิริมงคลรัตน์ ได้ใช้ยิงจำเลย จึงเป็นของที่ได้ใช้ในการกระทำผิด ให้ริบ สายสร้อยนาก ๑ เส้น พระเลี่ยมทองคำ ๒ องค์ และเรือยนต์ชนิด ๒ ตอน ๑ ลำ เครื่องยนต์ติดเรือยี่ห้อโตโยต้า ๑ เครื่อง ให้คืนเจ้าของ ข้อหาอื่น ๆ นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พกพร้อมด้วยกระสุนปืน ๕ นัด กับปลอกกระสุนปืน ๑ ปลอก ของนายชำนาญ ศิริมงคลรัตน์ นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะเรื่องการริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของนายชำนาญ ศิริมงคลรัตน์ เป็นว่า ไม่ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลยจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงลงโทษจำเลยขัดกับข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาก็ดี และที่ฎีกาขอให้รอการลงโทษก็ดี เป็นการฎีกาดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและดุลพินิจในการลงโทษของศาลซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยที่จำเลยฎีกาว่า อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของนายชำนาญ ศิริมงคลรัตน์ เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด แม้โจทก์ไม่ประสงค์ให้ริบ ศาลก็มีอำนาจริบได้นั้นก็เห็นว่า ข้อกฎหมายดังกล่าวไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้เช่นเดียวกัน
พิพากษายกฎีกาจำเลย.