คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2309/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การขอแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การตาม ป.วิ.อ. มาตรา 163 วรรคสอง จะต้องกระทำเสียก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา การที่จำเลยขอแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การในชั้นฎีกา ย่อมเป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 339 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2379/2543 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 83 ลงโทษจำคุก 10 ปี นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2379/2543 หมายเลขแดงที่ 704/2545 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธ และยื่นคำให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องนั้น เห็นว่า การขอแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง จะต้องกระทำเสียก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา การที่จำเลยขอแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การในชั้นฎีกาย่อมเป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว จึงไม่อนุญาต ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและลดโทษให้แก่จำเลยด้วยนั้น เห็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ใช้ดุลพินิจวางโทษจำคุกจำเลย 10 ปี จึงเป็นการลงโทษจำเลยตามอัตราขั้นต่ำที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขกำหนดโทษให้ต่ำกว่านี้ได้อีก ทั้งคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบต่อสู้คดีตลอดมาตั้งแต่ชั้นสอบสวน ชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ที่จะลดโทษให้แก่จำเลยตามที่ฎีกาขอมาได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share