แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้ามรดกยังไม่ได้ยกที่ดินตามฟ้องให้แก่ทายาทเป็นส่วนสัดเพียงแต่แบ่งที่ดินให้อยู่อาศัยและทำกินกันเท่านั้น เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรมที่ดินตามฟ้องจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทการที่ทายาทแยกกันครอบครองอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินมรดกถือได้ว่าเป็นการครอบครองมรดกแทนซึ่งกันและกัน แม้ที่ดินมรดกจะเป็นที่ดินมือเปล่าและโจทก์ทราบการตายของเจ้ามรดกเกินกว่าหนึ่งปี หรือโจทก์มิได้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความในคดีซึ่งทายาทอื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ขอแบ่งมรดกรายนี้ คดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางกุเจ้ามรดกมีที่ดินมือเปล่า 6 แปลง เมื่อนางกุตายที่ดินทั้ง 6 แปลงตกได้แก่ทายาทของนางกุ คือ โจทก์ นายนาค นางแยงจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 และนายบุญยัง ทายาททั้งหมดได้ร่วมกันเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินมรดกอยู่ประมาณ 2 ปี ต่อมานายบุญยังและนายนาคถึงแก่กรรม บุตรของบุคคลทั้งสองก็ร่วมครอบครองกับทายาทอื่นสืบต่อมาเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2522 บุตรของนายนาคเป็นโจทก์ฟ้องนางแยงจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ขอแบ่งมรดกที่ดินทั้ง 6 แปลง คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้บุตรของนายนาค รวม 4 คน ได้รับส่วนแบ่งคนละ 1 ใน 30 ส่วน ปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 123/2522 ของศาลจังหวัดสกลนคร ในปี พ.ศ. 2522 โจทก์ นายแยง จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 และบุตรนายบุญยังเป็นเจ้าของร่วมกันครอบครองที่ดินทั้ง 6 แปลง เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2523ซึ่งเป็นเวลาหลังจากนางแยงตายแล้วประมาณ 3 เดือน โจทก์เข้าไปไถที่นาแปลงหนึ่งในจำนวน 6 แปลงนั้น จำเลยไปแจ้งความหาว่าโจทก์บุกรุก พนักงานสอบสวนแล้วไม่ดำเนินคดีแก่โจทก์ ต่อมาเดือนกรกฎาคม 2523 จำเลยอ้างว่าที่ดินทั้ง 6 แปลงเป็นของจำเลยโดยจำเลยทำมาหาได้ ห้ามโจทก์เข้าไปทำกินโจทก์มีสิทธิในที่ดินมรดกทั้ง 6 แปลง 1 ใน 6 ส่วน การที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์เข้าทำนา ทำให้โจทก์เสียหายคิดเป็นเงินไม่ต่ำกว่าปีละ 3,600 บาท ขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินทั้ง 6 แปลงเป็นมรดกของนางกุให้จำเลยทั้งสี่แบ่งให้โจทก์แปลงละ 1 ใน 6 ส่วนก่อนแบ่งให้บุตร 4 คน ของนายนาค และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรนางแยง จำเลยทั้งสี่และนายนาคได้รับส่วนมรดกของนางกุมานาน 19 ปีแล้ว ต่างครอบครองเป็นส่วนสัดด้วยความสงบเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2522 นางบุญมีบุตรนายนาคกับพวกฟ้องจำเลยและศาลพิพากษาให้แบ่งให้นางบุญมีกับพวก 1 ใน 30 ส่วน จ่าศาลได้ทำการแบ่งแล้ว ต่อมาระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 2523 โจทก์กับพวกบุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินส่วนที่จำเลยได้รับแบ่งจากคำพิพากษาคดีดังกล่าว จำเลยไปแจ้งความ โจทก์กับพวกยอมรับว่าเป็นที่ดินของจำเลยและรับว่าจะไม่เกี่ยวข้องต่อไป จำเลยถอนคดี ทรัพย์พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยครอบครองมากว่า 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งที่ดินมรดกให้โจทก์ 1 ใน 5 ส่วนพร้อมค่าเสียหายในอัตราปีละ 3,000 บาท
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสี่ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางกุยังไม่ได้ยกที่ดินตามฟ้องให้แก่บุตรเป็นส่วนสัดเพียงแต่แบ่งที่ดินให้อยู่อาศัยและทำกินกันเท่านั้น เมื่อนางกุถึงแก่กรรมที่ดินตามฟ้องจึงเป็นมรดกของนางกุตกทอดแก่ทายาททั้งการที่ทายาทแยกกันอยู่อาศัยและทำกินในลักษณะดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นการครอบครองมรดกแทนซึ่งกันและกัน แม้ที่ดินพิพาทจะเป็นที่ดินมือเปล่าและโจทก์ทราบการตายของนางกุมากว่าหนึ่งปี หรือโจทก์มิได้ร้องสอดเข้าเป็นคู่ความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 123/2522 ของศาลจังหวัดสกลนคร คดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน