คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2306/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การฟ้องร้องเรียกเงินตามสัญญาประกันชีวิต มิได้มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นพิเศษ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปมีกำหนดสิบปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 1,525,000 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 1,000,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า นายวิรัตน์ แซ่แต้ ผู้ทำสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลกับจำเลยยังไม่ถึงแก่ความตาย และคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,525,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,000,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ประเด็นข้อสุดท้ายที่ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น จำเลยต่อสู้ว่าเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาประกันวินาศภัย จึงมีอายุความ 2 ปี ศาลฎีกาเห็นว่า กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารหมาย จ.3 นั้น ได้ระบุไว้ในตารางความคุ้มครองว่าเสียชีวิตกับการสูญเสียอวัยวะ สัญญาในข้อเสียชีวิตจึงมีลักษณะเป็นการประกันชีวิต ซึ่งมิได้มีบทกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ…”
พิพากษายืน

Share