แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 ได้รับเงินค่าไถ่จากพวกของผู้เสียหายแล้ว ได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไปได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา โดยผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316 บัญญัติให้ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 ตามกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรกนั้นจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 6 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษ จำเลยที่ 1, ที่ 2, ที่ 4, และที่ 6ฐานเอาตัวเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีไปเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 จำคุกตลอดชีวิต ฐานกรรโชกตาม มาตรา 337 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1, ที่ 2 และที่ 6หนึ่งในสี่ จำคุกคนละ 40 ปี 6 เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ 4 กึ่งหนึ่งจำคุก 27 ปี ส่วนจำเลยที่ 7 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 2และที่ 7 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 7โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า พยานโจทก์สำหรับจำเลยที่ 7ยังมีเหตุน่าระแวงสงสัย ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 7 ได้ร่วมกระทำผิดในคดี ส่วนจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิด ฐานเอาตัวเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีไปเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ด้วย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6ได้รับเงินค่าไถ่จากพวกของผู้เสียหายแล้วได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไปได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316 บัญญัติให้ศาลลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 มาตามกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรกนั้น จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย และพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 6 ซึ่งไม่ได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีและเห็นสมควรระบุวรรคของบทความผิดและบทลงโทษที่ศาลล่างทั้งสองมิได้ระบุไว้เสียให้ชัดแจ้งด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยที่ 1, ที่ 2, ที่ 4 และที่ 6ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 316จำคุกคนละ 14 ปี ตามมาตรา 337 วรรคสอง จำคุกคนละ 4 ปี รวมโทษจำคุกคนละ 18 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 คนละหนึ่งในสี่คงจำคุกคนละ 13 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 9 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์