แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
กล้องถ่ายรูปและแว่นตากันแดด ของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไปแต่ตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยที่รับสารภาพฐานรับของโจรฟังได้ว่าจำเลยรับเอากล้องถ่ายรูปไม่ได้รับเอาแว่นตากันแดด ไว้จึงไม่ชอบที่ศาลจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแว่นตากันแดด แก่ผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้มีคนร้ายใช้ไขควงและไพ่ป๊อกเป็นกระดาษแข็งงัดประตูและกุญแจลูกบิดห้องพักเลขที่ 278 ของนางสาวกฤษณา ศรีทองผู้เสียหาย จนเปิดออก แล้วเข้าไปลักเอากล้องถ่ายรูปยี่ห้อริคอช 1ตัว ราคา 3,500 บาท แว่นตากันแดด 1 อัน ราคา 2,200 บาท รวมราคาทรัพย์ทั้งสิ้น 5,500 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต่อมาจำเลยได้ครอบครองกล้องถ่ายรูปของผู้เสียหายที่ถูกลักไปดังกล่าว แล้วนำไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำ ทั้งนี้ โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักเอากล้องถ่ายรูปของผู้เสียหายไป หรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับของโจรโดยรับเอากล้องถ่ายรูปของผู้เสียหายไว้ด้วยประการใด ๆ แล้วนำไปจำนำโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ และได้มีคนร้ายใช้ไขควงและไพ่ป๊อกเป็นกระดาษแข็งงัดประตูและกุญแจลูกบิดห้องพักเลขที่ 423 ของนางสาวสุรัตน์ ชุณหเพสย์ ผู้เสียหาย จนเปิดออก แล้วเข้าไปลักเอานาฬิกาข้อมือยี่ห้อซิติเซน 1 เรือน ราคา 2,000 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต่อมา จำเลยได้ครอบครองนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายที่ถูกลักไปดังกล่าวแล้วนำไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำ ทั้งนี้โดยจำเลยได้เป็นคนร้ายลักเอานาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไป หรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับเอานาฬิกาข้อมือเรือนไว้ด้วยประการใด ๆ แล้วเอาไปจำนำโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ และจำเลยได้ใช้ไขควงและไพ่ป๊อกงัดแงะประตูและกุญแจลูกบิดห้องพักเลขที่ 278 ของนางสาวกฤษณา ศรีทองจนเปิดออกแล้วเข้าไปลักเอาเงินสดจำนวน 15 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตและได้มีคนร้ายใช้ไขควงและไพ่ป๊อกงัดแงะกุญแจและประตูลูกบิดห้องพักเลขที่ 292 ของนายศุภรัตน์ ชาวนาผู้เสียหายจนเปิดออก แล้วเข้าไปลักเอาเงินสดจำนวน 307 ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเงินสด จำนวน 307บาท ของนายศุภรัตน์ ชาวนาที่ถูกลักไปดังกล่าว และตั๋วรับจำนำ2 ฉบับ ไพ่ป๊อก 4 ใบ ซึ่งจำเลยได้ใช้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์เป็นของกลาง ทั้งนี้ โดยจำเลยได้เป็นคนร้ายลักเอาเงินสด 307บาท ของนายศุภรัตน์ชาวนา ผู้เสียหายหรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับของโจรโดยการรับเอาเงินสดจำนวน 307 บาทของกลางไว้ด้วยประการใด ๆ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ไถ่ถอนกล้องถ่ายรูป1 ตัว และนาฬิกาข้อมือ 1 เรือน มาเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(3)(8), 357, 33, 91ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 2,215 บาทแก่นางสาวกฤษณา ศรีทอง ผู้เสียหาย และริบไขควงกับไพ่ป๊อกของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์เงินสด 15 บาท และฐานรับของโจรทรัพย์อื่นตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(3)(8), 357 (ที่ถูกมาตรา 335(1)(3)(8) วรรคสาม357 วรรคแรก) เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ฐานรับของโจรรวม3 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 2,000 บาท จำคุกฐานลักทรัพย์ 1 ปี ปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 4 ปี และปรับ 8,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปีและปรับ4,000 บาท โทษจำคุกเห็นสมควรรอไว้มีกำหนด 2 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 2,215 บาท แก่นางสาวกฤษณา ศรีทอง ผู้เสียหาย และให้ริบไขควงกับไพ่ป๊อกของกลางกับให้คุมประพฤติจำเลยไว้ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ลงโทษปรับจำเลยและไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแว่นตากันแดด 2,200 บาท แก่นางสาวกฤษณา ศรีทองผู้เสียหายด้วยนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องและคำให้การรับสารภาพฐานรับของโจรจำเลยไม่ได้รับเอาแว่นตากันแดดดังกล่าวไว้ ฉะนั้น จึงไม่ชอบที่จะให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาแว่นตากันแดดแก่ผู้เสียหายศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า คงให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 15 บาท แก่นางสาวกฤษณา ศรีทอง ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์