แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
บริษัท พ. มีหนี้ที่ต้องชำระแก่โจทก์ จำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอาจขอเข้าชำระหนี้แทนบริษัท พ.ได้ การที่จำเลยมีหนังสือยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้แทนบริษัท พ. และโจทก์มีหนังสือตอบสนองรับไปแล้ว เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งคู่สัญญากระทำด้วยความสมัครใจ เมื่อไม่ขัดต่อกฎหมายย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ และเมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะก็ต้องใช้อายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 หาใช่มีอายุความ2 ปี ตามมูลหนี้เดิมไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2524บริษัทพี.บี.เอ็ม จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการโรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท ได้ตกลงทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ซ่อมเครื่องยนต์ประเภทเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้กับกิจการโรงแรม และโจทก์ได้ทำการซ่อมแซมเครื่องยนต์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้วคิดเป็นเงินค่าแรงรวมทั้งค่าอะไหล่ 180,211.86 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2ในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 และในฐานะส่วนตัว ได้ทำสัญญากับโจทก์ว่าจะเข้าเป็นผู้ดำเนินกิจการโรงแรมและขอเป็นผู้ชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแทนบริษัท พี.บี.เอ็ม จำกัด โดยจำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือถึงโจทก์ขอผ่อนชำระเป็นงวด งวดละ 10,000 บาทเริ่มแต่เดือนมีนาคม 2527 เป็นต้นไป แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย ขอคิดดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่เดือนมีนาคม 2527 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 11,664 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 191,875.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 180,211.86 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่ได้ตกลงทำสัญญาขอชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง จำเลยทั้งสองเพียงรับเป็นคนกลางติดต่อเพื่อนำเงินจากบริษัท พี.บี.เอ็ม. จำกัด ไปชำระหนี้ให้แก่โจทก์เท่านั้น โจทก์ชอบที่จะไปเรียกร้องเอาจากบริษัทดังกล่าวโดยตรง คดีของโจทก์ขาดอายุความ 2 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัทพี.บี.เอ็ม. จำกัด ได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ทำการซ่อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของโรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท เมื่อปลายปี พ.ศ. 2524โจทก์ใช้เวลาซ่อมประมาณ 3-4 เดือนก็เสร็จ ต่อมาโจทก์ได้นำใบแจ้งหนี้ไปเรียกเก็บเงินจำนวน 180,211.86 บาท ซึ่งใบแจ้งหนี้ของโจทก์ลงวันที่ 25 มกราคม 2525 โดยแจ้งกำหนดให้ชำระเงินในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2525 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 บริษัทจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและเช่าช่วงโรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท จากบริษัท พี.บี.เอ็ม. จำกัด มาดำเนินการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2526 ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.6แล้วจำเลยทั้งสองยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้จำนวนดังกล่าวแทนบริษัท พี.บี.เอ็ม จำกัด โดยมีหนังสือลงวันที่ 1 มีนาคม 2527และวันที่ 14 สิงหาคม 2527 ถึงโจทก์ขอผ่อนชำระหนี้ต่อโจทก์ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 และโจทก์ได้มีหนังสือตอบสนองรับไปแล้วตามเอกสารหมาย จ.3 โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2528 ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีเพียงข้อเดียวว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องแล้วหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า บริษัท พี.บี.เอ็ม. จำกัด มีหนี้ที่ต้องชำระต่อโจทก์ และจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอาจขอเข้ามาชำระหนี้แทนบริษัท พี.บี.เอ็ม. จำกัด ได้ การที่จำเลยทั้งสองมีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 ยอมผูกพันตนเข้าชำระหนี้แทนบริษัท พี.บี.เอ็ม. จำกัด และโจทก์ก็มีหนังสือตอบสนองรับไปแล้วตามเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งคู่สัญญากระทำด้วยความสมัครใจ เมื่อไม่ขัดต่อกฎหมายย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ และเมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะก็ต้องใช้อายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 หาใช่มีอายุความ2 ปี ตามมูลหนี้เดิมไม่ โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาดังกล่าวยังไม่เกิน 10 ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยทั้งสองต้องชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ตามฟ้อง”
พิพากษากลับว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 191,875.86 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 180,211.86 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จแก่โจทก์