คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้เกษียณสั่งกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในคำให้การจำเลยในวันที่จำเลยยื่นคำให้การ ต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่จำเลยนำคำให้การไปยื่นต่อศาล
จำเลยได้รับหมายนัด และได้ทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว การที่จำเลยเข้าใจหรือจำเวลานัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปเพราะความเข้าใจผิดหรือหลงลืมของจำเลยเอง ไม่มีเหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาใหม่และไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยจำเลยให้การต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์โดยเกษียนสั่งในคำให้การของจำเลยในวันเดียวกับที่จำเลยยื่นคำให้การต่อศาล และมีหมายนัดให้ทนายจำเลยทราบโดยชอบจำเลยไม่มาศาลตามเวลาที่กำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แล้วพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยยื่นคำร้องในวันเดียวกันว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้ยกเลิกคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานเข้าสืบ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องอีก ๒ ฉบับ อ้างว่าทนายจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นชี้สองสถานในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๕พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เวลา ๙ นาฬิกา ทนายจำเลยไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ไม่ได้รับหมายนัด ผู้รับหมายนัดมิได้แจ้งเวลานัดให้ทนายจำเลยทราบ จึงเข้าใจว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์ตามกำหนดนัดเดิม ขอให้สั่งไต่สวนคำร้องของจำเลยและให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสองฉบับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีปรากฏว่า ศาลชั้นต้นได้เกษียนสั่งไว้ในคำให้การวันเดียวกับวันที่จำเลยยื่นคำให้การว่านัดสืบพยานโจทก์ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เวลา ๙ นาฬิกา โดยมิได้สั่งให้ชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้น เช่นนี้ ต้องถือว่าจำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตั้งแต่วันที่จำเลยนำคำให้การไปยื่นต่อศาลแล้ว จำเลยจะเข้าใจเอาเองว่าศาลกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์วันเวลาเดียวกับวันนัดชี้สองสถานที่จำเลยบันทึกไว้ในสมุดนัดหาได้ไม่ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าศาลได้มีหมายนัดแจ้งกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ตามวันและเวลาดังกล่าวให้จำเลยทราบด้วย ซึ่งได้ความจากคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยว่า มีผู้รับหมายนัดนั้นไว้แทนทนายจำเลย จำเลยคงอ้างแต่เพียงว่าผู้รับหมายนัดแจ้งต่อทนายจำเลย ว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เท่านั้น โดยไม่ได้บอกเวลานัดให้ทนายจำเลยทราบเห็นว่า พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมเป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่า จำเลยได้รับหมายนัด และได้ทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว จำเลยจะอ้างว่า บุคคลที่รับหมายนัดไว้แทนมิได้บอกเวลานัดให้ทราบหาได้ไม่ ประการสุดท้ายปรากฏตามสำนวนว่าทนายจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานโจทก์โดยชอบและด้านบนสุดของแบบพิมพ์บัญชีระบุพยานของจำเลยมีข้อความพิมพ์ไว้ว่า’สืบโจทก์วันที่ ๒๕ พ.ย. ๒๘ ๙.๐๐’ การที่บัญชีระบุพยานของจำเลยมีข้อความดังกล่าวปรากฏชัดเจนอยู่ด้วยเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า จำเลยทราบกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนวันยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลแล้ว หากจำเลยเข้าใจหรือจำเวลานัดสืบพยานโจทก์ผิดไป ก็เป็นการเข้าใจผิดหรือหลงลืมของจำเลยเอง หาใช่มีเหตุอันสมควรที่จะขอให้พิจารณาใหม่ไม่ ดังนี้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น.

Share