แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยว่า เอกสารที่จำเลยจะนำส่งศาลเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง โจทก์ยอมแพ้คดี ต่อมาเมื่อจำเลยส่งเอกสารต่อศาล แม้โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่าเป็นเอกสารปลอม แต่เมื่อศาลเห็นว่าจากเอกสารนั้นเองพอจะพิจารณาว่าเอกสารปลอมหรือไม่แล้ว ศาลย่อมพิพากษาคดีตามคำท้ายนั้นได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนเสียก่อนว่าเอกสารนั้นปลอมหรือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากัน จำเลยทั้งสองลอบนำที่ดินของโจทก์ไปขึ้น น.ส.๓ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ ๑แบ่งแยกที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๗๓ เนื้อที่ ๒๘ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวาให้โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่นาพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนางคำมีมารดาจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ซื้อที่ดินจากนายอินซึ่งอยู่ติดกับนางนางคำมี ๕ ไร่ ได้ซื้อที่ดินนายคำทางทิศเหนือของที่พิพาท ๔ ไร่ นางคำมิได้ยื่นคำร้องต่ออำเภอยางตลาด ทำนิติกรรมยกนาพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๑ ทั้งหมด
ชั้นพิจารณา โจทก์แถลงต่อศาลท้าจำเลยว่า ถ้าจำเลยนำสารบบหลักฐานการยกให้ คู่ฉบับของหนังสือสัญญายกให้ สำเนาประกาศ ใบรับรองว่าได้ปิดประกาศแล้ว (เฉพาะคำรับรองนี้ ถ้าหาย ให้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าหายมาเป็นหลักฐาน) มาส่งมอบศาลภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันนี้ หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเอกสารที่จำเลยนำมาดังกล่าวเป็นเอกสารการยกให้ที่แท้จริง ถูกต้องตรงกับหนังสือสัญญายกให้ที่จำเลยส่งมอบต่อศาลในวันนี้ โจทก์ยอมแพ้ จำเลยแถลงยอมรับคำท้า และแถลงว่า ถ้าจำเลยนำเอกสารดังกล่าวมาแสดงต่อศาลไม่ได้ภายใน ๑๐ วัน จำเลยยอมแพ้ และถ้านำเอกสารดังกล่าวข้างต้นมาได้แล้ว หากศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ใช้เอกสารคู่ฉบับที่แท้จริง จำเลยยอมแพ้ ศาลอนุญาตให้โจทก์จำเลยท้ากันได้ตามขอ ต่อมาอำเภอยางตลาดได้ส่งเอกสารตามที่จำเลยแถลงรับคำท้าต่อศาลจำนวน ๑๘ ฉบับ ศาลหมาย ล.๒ ถึง ล.๑๙ โจทก์ตรวจดูเอกสารแล้วยื่นคำร้องคัดค้านว่าเป็นเอกสารปลอม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ว่า ปัญหาว่าเอกสารปลอมหรือไม่ปลอมอยู่นอกคำท้า
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำท้ายของโจทก์มีข้อความว่า “ถ้าจำเลยนำสารบบหลักฐานการยกให้ ฯลฯ มาส่งมอบศาลภายใน ๑๐ วันนับแต่วันนี้ หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเอกสารที่จำเลยนำมาดังกล่าวเป็นเอกสารที่แท้จริง ถูกต้องต้องตรงกับหนังสือสัญญายกให้ที่จำเลยส่งมอบต่อศาลวันนี้ โจทก์ยอมแพ้ ฯลฯ” คำท้าของโจทก์เป็นการท้าให้จำเลยส่งมอบหลักฐานต่อศาลและให้ศาลมีอำนาจพิจารณาว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงตรงกับเอกสารที่จำเลยส่งมอบไว้แล้วหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้ตรวจดูเอกสาร ล.๒ ถึง ล.๑๙ แล้วเห็นว่า พอจะพิจารณาว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ไปได้แล้ว จะให้นัดฟังคำพิพากษา คำสั่งศาลชั้นต้นจึงเป็นคำสั่งตรงตามคำท้าซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาที่ว่า เอกสารที่ส่งตามคำท้าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ โดยอาศัยพิจารณาจากเอกสารเหล่านั้นเป็นการเพียงพอแล้ว และศาลำฎีกาเห็นว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงถูกต้องตรงกับหนังสือยกให้ที่จำเลยอ้างส่งต่อศาล โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า
พิพากษายืน
(สงวน สิทธิไชย อุดม จาละ ปรีชา สุมาวงศ์)