แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้น เรียกค่าทดแทนความเสียหายจากจำเลย 26,050 บาท จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหาย 4,320 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ 1,220 บาท โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ แม้ในชั้นฎีกา คดีจะมีทุนทรัพย์ 3,100 บาท แต่จำนวนทุนทรัพย์แห่งคดีที่จะพิจารณาว่า โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ต้องถือตามทุนทรัพย์ในศาลชั้นต้น มิใช่ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา เมื่อคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในศาลชั้นต้นจำนวน 26,050 บาท โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2518)
ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงาน ไม่ใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเงินสด ๕,๐๐๐ บาทมาหมั้นโจทก์ที่ ๒ ต่อโจทก์ที่ ๑ ซึ่งเป็นมารดาผู้ปกครอง โดยกำหนดพิธีสมรสในวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีเดียวกัน โจทก์ทั้งสองตระเตรียมการงานต่าง ๆ เพื่อการสมรสไว้แล้วตามที่จำเลยนัดหมาย แต่จำเลยไม่มาสมรสกับโจทก์ที่ ๒ ถือว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้น ทำให้โจทก์เสียหาย คือ ค่าใช้จ่าย ๆ ที่โจทก์ที่ ๑ เตรียมการสมรส ๖,๐๕๐ บาท และโจทก์ที่ ๒ เสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียง ๒๐,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยชำระพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาหมั้น โจทก์ไม่เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาในจำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหาย ๔,๓๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายแก่โจทก์ ๑,๒๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้น เรียกค่าทดแทนความเสียหายจากจำเลย จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทนความเสียหาย ๔,๓๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหาย ๑,๒๒๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในชั้นฎีกา คดีจึงมีทุนทรัพย์ ๓,๑๐๐ บาท โจทก์ฎีกาว่าค่าอาหารเลี้ยงแระและแขกในวันแต่งงาน ๑,๑๐๐ บาท เป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้จ่ายไปเนื่องในการเตรียมการสมรสโดยแท้จริง และการที่จำเลยไม่มาทำการสมรสกับโจทก์ที่ ๒ ทำให้โจทก์ที่ ๒ ได้รับความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงและได้รับความอับอายมาก ชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย มีปัญหาต้องวินิจฉัยเบื้องต้นว่า โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จำนวนทุนทรัพย์แห่งคดี ให้ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทในศาลชั้นต้น มิใช่ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา คดีนี้มีทุนทรัพย์กันในศาลชั้นต้นจำนวน ๒๖,๐๕๐ บาท ดังนั้น โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้
สำหรับปัญหาข้อเท็จจริง คดียุติฟังได้ว่า จำเลยผิดสัญญาหมั้นจริง โจทก์ฎีกาเรียกร้องค่าแทนเฉพาะค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกกับค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่เสียงของโจทก์ที่ ๒ เท่านั้น แล้ววินิจฉัยว่า ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงานไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๔๓๙(๒) ส่วนค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียของโจทก์ที่ ๒ กำหนดให้จำเลยชำระอีก ๒,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายเกี่ยวกับชื่อเสียงอีก ๒,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ที่ ๒ นอกจาที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
(สมชัย ทรัพยวณิช วิกรม เมาลานนท์ สุธี ชอบธรรม)