คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินของผู้ร้องและพี่น้องอันจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องหรือไม่นั้นไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพราะการที่ทรัพย์สินใดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนคนใดย่อมเป็นเรื่องเฉพาะตัวของบุคคลนั้นไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนทั่วไป(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 941/2512)ดังนั้น หากไม่เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกอุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้เสียโดยไม่วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านเลขที่ 144 เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์

นางคำ คำปวน ร้องว่า บ้านที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดนั้นไม่ใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นมรดกของนางหมา คำปวน ซึ่งตกทอดแก่ผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยบ้านดังกล่าว

โจทก์ให้การว่า บ้านพิพาทไม่ใช่เป็นมรดกของนางหมา หนี้รายนี้เกิดขึ้นเพราะการค้าของจำเลยและผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาที่ว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินของผู้ร้องและพี่น้องอันจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องหรือไม่นั้น ไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพราะการที่ทรัพย์สินใดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนคนใดย่อมเป็นเรื่องเฉพาะตัวของบุคคลนั้น ไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนทั่วไป ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 941/2512 ดังนั้น หากไม่เป็นปัญหาที่ได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกอุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้เสียโดยไม่วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242 (1)

พิพากษายืน

Share