แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งในเรื่องที่จำเลยขอให้ศาลพิจารณา คำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยให้จำเลยนำพยานมาสืบใหม่แล้ว คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จำเลยจะฎีกาคำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ได้ ไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาล
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง เดิมนั้น จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวน คำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่เนื่องจากคำสั่งยกคำร้อง ไม่ชอบ ซึ่งเป็นการอุทธรณ์คำสั่งในกรณีที่ศาลดำเนิน กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และในการฎีกาจำเลยทั้งสอง ก็ฎีกาในกรณีเดียวกัน มิใช่จำเลยทั้งสองจะฎีกาตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 ตามที่ศาลชั้นต้น วินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาแล้ว (อันดับ 103 แผ่นที่ 4,5)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ชำระเงิน1,086,158 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,053,245 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 30 กันยายน 2535) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2(อันดับ 48,51 และ 80)
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการไต่สวนสืบพยานหลักฐานที่เหลืออยู่อีกเพื่อยืนยันให้ศาลเห็นว่าจำเลยทั้งสองอนาถาจริง ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาวันที่ 17 มกราคม 2537 ปรากฏว่า ทนายจำเลยทั้งสอง แถลงไม่ติดใจสืบพยานที่เหลืออีกต่อไป ไม่ใช่ศาลมีคำสั่ง งดสืบพยาน ย่อมแสดงว่าจำเลยทั้งสองประสงค์จะสืบพยาน เพียงเท่านี้ จึงไม่มีเหตุที่จำเลยทั้งสองจะยื่นคำร้องขอต่อศาล เพื่อขอให้พิจารณาคำขอได้ใหม่ตามนี้ จึงยกคำร้อง (อันดับ 81)
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยานเองไม่ใช่ศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยจะขอสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 หลังจากศาลสั่งยกคำร้องแล้ว ย่อมไม่ชอบ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ให้จำเลยนำเงิน ค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนี้ (อันดับ 96)
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา(อันดับ 98)
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 101)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานจำเลยทั้งสองต่อไป ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสอง แถลงไม่ติดใจสืบพยานเอง ไม่ใช่ศาลสั่งงดสืบพยาน จำเลยทั้งสองจะขอสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156หลังจากศาลสั่งยกคำร้องแล้ว ย่อมไม่ชอบ ให้ยกคำร้อง ไม่ใช่เรื่อง ค่าธรรมเนียมศาลในการขอต่อสู้คดีอย่างคนอนาถา จึงไม่อยู่ ใน บังคับของวรรคท้ายแห่งมาตรา 156 ดังกล่าว และไม่ต้องห้ามให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่ศาลฎีกา เห็นว่า จำเลยทั้งสองฎีกาโดยประสงค์จะให้ศาลชั้นต้นไต่สวน พยานจำเลยต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งสอง แถลงไม่ติดใจสืบพยานเอง เมื่อศาลชั้นต้นพิเคราะห์พยาน ทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่าจำเลยทั้งสองมิได้ยากจนจริง ให้ยกคำร้อง ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง แต่จำเลย ทั้งสองกลับบิดเบือนว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน เมื่อจำเลย ทั้งสองไม่ติดใจสืบพยาน เองจนศาลชั้นต้นยกคำร้องขอดำเนินคดี อย่างคนอนาถาแล้วเช่นนี้ ย่อมไม่มีเหตุที่จะให้ศาลชั้นต้นไต่สวน พยานจำเลยทั้งสองต่อไป ฎีกาจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นสาระ แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา จำเลยทั้งสอง ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง