แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับ โดยให้จำเลยหาหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันต่อศาลชั้นต้น จำเลยจึงได้ติดต่อขอกู้เงินจากทางธนาคารเพื่อนำมาวางเป็นหลักประกันต่อศาลและอยู่ระหว่างพิจารณาหลักทรัพย์ที่นำมาวางเป็นประกันจำเลยจึงยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาพิจารณาและวางหลักประกันศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง แต่เนื่องจากการกู้เงินดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ธนาคารจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาให้กู้เงิน เพื่อให้โอกาสจำเลยได้หาหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันต่อศาล โปรดอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาและวางหลักประกันออกไปอีก 2 เดือน
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 74)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้จำเลยบรรจุรถยนต์โดยสารของโจทก์ทั้งสอง เข้าร่วมเดินรถในเส้นทางสายที่ 644พิษณุโลก-อุดรธานีกับให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองบริษัทละ 6,000 บาทต่อวันนับแต่วันที่ 3 เมษายน 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะบรรจุรถยนต์โดยสารของโจทก์ทั้งสองบริษัทละ 2 คัน เข้าร่วมเดินรถในเส้นทางสาย 644 พิษณุโลก-อุดรธานีแต่ค่าเสียหายที่จำเลยต้องชำระคิดถึงวันฟ้อง (วันที่ 9 มีนาคม2532) ไม่เกิน 4,092,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา (สำนวนที่ 2 อันดับ 50,51)
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินค่าเสียหายที่จะต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสองตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 นับถึงวันฟังคำสั่งนี้และต่อไปอีก 2 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง (สำนวนตอน 2 อันดับ 64) และส่งไปให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟังแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางหลักประกันศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง (สำนวนตอน 2 อันดับ 66,65)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เป็นกรณีที่จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินตามคำสั่งศาลฎีกาต่อศาลชั้นต้น อันเป็นการขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่ตามหลักเกณฑ์และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งอย่างไรแล้ว หากจำเลยไม่เห็นด้วยก็ชอบที่จะอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์เสียก่อน จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาเลยไม่ได้ ให้ยกคำร้องค่าคำร้องให้เป็นพับ