คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ท. เป็นสมุห์บัญชีสาขาธนาคารจำเลย มีหน้าที่ตรวจเอกสารของผู้ที่มาขอเปิดบัญชีตามระเบียบของจำเลย ว. ได้นำเอาพยานหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของโจทก์ไปเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันในนามของโจทก์ ซึ่งหาก ท.ได้ขอตรวจดูต้นฉบับบัตรประจำตัวประชาชนหรือตรวจดูเพียงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งได้ปรากฏภาพถ่ายเจ้าของบัตรไว้อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมทราบได้ทันทีว่า ว. ไม่ใช่โจทก์ การที่ท.ได้อนุมัติให้ว. เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไปโดยไม่ตรวจหลักฐานของผู้ขอเปิดบัญชีตามระเบียบของจำเลย แล้ว ว. สั่งจ่ายเช็คในนามของโจทก์ทำให้โจทก์ถูก ด. ฟ้องเป็นคดีอาญา การกระทำของ ท. ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเมื่อ ท. กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลย จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดต่อผลแห่งละเมิดดังกล่าวด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายวิชัย หรือธีระ ชวาลเจริญชัย ได้ขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับจำเลย สาขาสี่แยกบ้านแขก โดยใช้ชื่อของโจทก์เป็นเจ้าของบัญชี แต่สถานที่อยู่เป็นร้านวิชัยซัพพลายส์แอนด์โปรดักส์ ซึ่งมิใช่สถานที่อยู่ของโจทก์ โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งมีภาพถ่ายของโจทก์ไปแสดงแทน แล้วสมุห์บัญชีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ตรวจสอบดูบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนว่าเป็นผู้ที่มาขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันที่แท้จริงตามระเบียบของธนาคารหรือไม่เจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงได้อนุมัติ ให้นายวิชัย เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกล่าวในนามของโจทก์ โดยจงใจหรือด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้นายวิชัย สามารถใช้เช็คในบัญชีดังกล่าวได้ แล้วต่อมานายวิชัย ได้ออกเช็คจำนวน 5 ฉบับ โดยปลอมลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้สั่งจ่าย แล้วนำไปแลกเงินสดจากนางสาวดาเรศลัภยพร ต่อมาธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งห้าฉบับนางสาวดาเรศ จึงได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลแขวงธนบุรี ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จากการกระทำของพนักงานจำเลยเป็นละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้าง จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายครั้งนี้ต่อโจทก์รวมเป็นเงิน 100,000 บาท นอกจากนี้โจทก์ยังต้องถูกควบคุมตัวในห้องขังของศาลแขวงธนบุรีเพื่อรอฟังคำสั่งปล่อยชั่วคราว ทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ เสรีภาพ อนามัยและชื่อเสียงโดยโจทก์ขอคิดค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 100,000 บาท รวมค่าเสียหายโจทก์ทั้งสิ้นเป็นเงิน 200,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ไปติดต่อกับจำเลย สาขาสี่แยกบ้านแขกขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน สมุห์บัญชีของจำเลยได้ตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ตามระเบียบธนาคารแล้วเชื่อว่าบุคคลที่มาติดต่อขอเปิดบัญชีกระแสรายวันดังกล่าวชื่อนายเสกสรรค์ วรธรรมกิตติจึงอนุมัติให้เปิดบัญชีกระแสรายวัน การกระทำของจำเลยที่เปิดบัญชีกระแสรายวันให้แก่ โจทก์เป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่สุจริต ไม่มีเจตนาร่วมกับผู้หนึ่งผู้ใดที่จะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่ประการใด นายวิชัย หรือธีระ ชวาลเจริญชัย ตามที่โจทก์กล่าวอ้างเป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์น่าจะใช้สิทธิเรียกร้องความเสียหายจากนายวิชัย โดยตรง ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมานั้นเกินความเป็นจริงอย่างมากและโจทก์มิได้ใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายทินกร อัมภานนท์ สมุห์บัญชีของจำเลยเบิกความยืนยันว่าโจทก์มาขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับตัวนายทินกร และนายทินกร เป็นผู้ตรวจหลักฐานที่โจทก์นำมาแสดง และให้โจทก์เซ็นชื่อลงในบัตรตัวอย่างลายเซ็นด้วยตนเอง แต่ในสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 10931/2528 ของศาลแขวงธนบุรี นายทินกร ได้เบิกความเป็นพยานในคดีดังกล่าวว่า การขอเปิดบัญชีกระแสรายวันกับจำเลยครั้งนี้ โจทก์ได้นำหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลย โดยนายสุวิทย์ เจ้าหน้าที่เป็นผู้กรอกข้อความในใบขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และให้โจทก์เซ็นชื่อในบัตรตัวอย่างลายเซ็น โจทก์ก็เซ็นชื่อต่อหน้านายสุวิทย์เช่นกัน นายทินกร มีหน้าที่เพียงแต่ตรวจสอบหลักฐานที่เจ้าหน้าที่เสนอมาเท่านั้น เห็นได้ว่าคำพยานดังกล่าวขัดกันในสาระสำคัญรับฟังเป็นที่แน่นอนไม่ได้ แต่จากผลการตรวจพิสูจน์และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 10930/2528 ของศาลแขวงธนบุรีปรากฏว่า ลายมือชื่อผู้ขอเปิดบัญชีในบัตรตัวอย่างลายเซ็นไม่ใช่ลายมือและลายมือชื่อของโจทก์ จึงเชื่อว่าผู้ขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกล่าวไม่ได้มายื่นขอหรือนำหลักฐานมาแสดงต่อนายทินกร โดย ตรง แต่น่าเชื่อว่าได้ยื่นต่อเจ้าหน้าที่อื่นของจำเลย และผู้ที่นำหลักฐานมายื่นจะต้องไม่ใช่โจทก์ เพราะหากเป็นโจทก์และโจทก์ได้มาพบกับนายทินกร ดังที่จำเลยอ้างแล้ว ตัวอย่างลายเช็น ที่ให้ไว้แก่จำเลยจะต้องเป็นลายเซ็นของโจทก์ อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานที่จำเลยได้นำสืบมาไม่ปรากฏว่านายทินกร ได้ขอตรวจดูต้นฉบับบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกล่าวนี้ ซึ่งหากนายทินกร สมุห์บัญชีผู้มีหน้าที่รับผิดชอบและมีหน้าที่ต้องตรวจดูต้นฉบับเอกสารตามระเบียบของจำเลยได้ตรวจดูต้นฉบับแล้ว ย่อมต้องทราบทันทีว่าผู้มาขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยใช้ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของบัญชีนั้นไม่ใช่โจทก์ อย่างไรก็ตามแม้หากนายทินกร ได้ ตรวจดูเพียงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งได้ปรากฏภาพถ่ายเจ้าของบัตรไว้อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมทราบว่าผู้มาขอเปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวไม่ใช่โจทก์เช่นเดียวกัน ฉะนั้น การที่นายทินกร ได้ อนุมัติให้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยไม่ตรวจหลักฐานของผู้ขอเปิดบัญชีตามระเบียบของจำเลยเป็นเหตุให้นายวิชัย นำเอาพยานหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของโจทก์ไปเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันในนามของโจทก์ แล้วนายวิชัย สั่งจ่ายเช็คในนามของโจทก์ ทำให้โจทก์ถูกนางสาง ดาเรศ ฟ้องเป็นคดีอาญาเช่นนี้การกระทำของนายทินกร ย่อมเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อนายทินกร ได้ กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยดังที่กล่าวมา จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดดังกล่าวด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share