คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้ส่งสำเนาลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานสามวัน แต่โจทก์ได้ระบุอ้างเช็คพิพาทไว้ในบัญชีพยานโดยชอบและเช็คพิพาทเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญแห่งคดี ดังนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับฟังเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 และที่ 3เป็นผู้สลักหลังเช็ค มาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์นำไปเข้าบัญชีของโจทก์ เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ทวงถาม จำเลยทั้งสามไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 1ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ได้เป็นผู้สลักหลังเช็คตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 50,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่าโจทก์ มิได้ส่งสำเนาลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก่อนวันสืบพยาน 3 วัน เป็นการยื่นเอกสารไม่ถูกต้องตามกฎหมาย รับฟังไม่ได้นั้น ปรากฏว่าโจทก์ได้ระบุอ้างเช็คพิพาทไว้ในบัญชีพยานโดยชอบและเช็คพิพาทเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญแห่งคดี แม้โจทก์มิได้ส่งสำเนาลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก่อนวันสืบพยาน 3 วันแต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังเช็คพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share