แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรไว้ก่อนพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 ใช้บังคับคดีโจทก์จึงตกอยู่ในบังคับตามมาตรา 1529 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับเดิม เพราะการเป็นบิดามารดากับบุตรในคดีโจทก์ได้มีอยู่แล้วในวันที่ 16 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นวันที่บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งที่ได้ตรวจชำระใหม่ใช้บังคับ จะนำ บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1555 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยมีความสัมพันธ์ฐานชู้สาวได้เสียเป็นสามีภริยากันแต่มิได้จดทะเบียนสมรส จนเกิดบุตรจากจำเลยเป็นหญิงให้ชื่อว่า “ร่มรัฐ” ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่รับเด็กหญิงร่มรัฐผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 บัญญัติว่า “บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของการหมั้น การสมรสสัญญาก่อนสมรส การเป็นบิดามารดากับบุตร ฯลฯ ที่ได้มีอยู่แล้วในวันใช้บังคับบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้” ดังนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรเมื่อวันที่13 มิถุนายน 2518 อันเป็นเวลาก่อนพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 ใช้บังคับ คดีโจทก์จึงตกอยู่ในบังคับตามมาตรา 1529 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับเดิม เพราะการเป็นบิดามารดากับบุตรในคดีโจทก์ได้มีอยู่แล้วในวันที่ 16 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นวันที่บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ใช้บังคับ จะนำบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ตามมาตรา 1555 มาปรับแก่คดีของโจทก์หาได้ไม่
ฯลฯ
พิพากษายืน