แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาท ตกลงผ่อนชำระคืนเดือนละ4,000 บาท ในการนี้จำเลยมอบสมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยพร้อมด้วยใบมอบฉันทะให้ถอนเงิน 5 ฉบับ ๆ ละ 4,000 บาท ให้แก่โจทก์เพื่อโจทก์ไปเบิกเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว แม้ต่อมาจำเลยจะหลอกลวงโจทก์จนโจทก์หลงเชื่อมอบสมุดเงินฝากของจำเลยให้แก่จำเลยไปแต่จำเลยมีอำนาจสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามใบมอบฉันทะให้ถอนเงินได้ทุกเมื่อทั้งยังปรากฏว่าในขณะที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากคืนไปจากโจทก์นั้น เงินในบัญชีธนาคารของจำเลยมีจำนวนไม่ถึง 4,000 บาท โจทก์ย่อมไม่อาจถอนเงินตามใบมอบฉันทะดังกล่าวได้ แม้โจทก์จะมีสมุดเงินฝากของจำเลยและจำเลยไม่สั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินก็ตาม การที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของจำเลยเองไปจากโจทก์จึงไม่ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์ และไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า สมุดเงินฝากที่จำเลยหลอกลวงเอาไปจากโจทก์เป็นของจำเลยเอง ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินของโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกู้ยืมเงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่ได้ทำเป็นหนังสือซึ่งไม่อาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะยึดถือสมุดเงินฝากของจำเลยได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนมูลฟ้องฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2530 จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาทตกลงผ่อนชำระคืนเดือนละ 4,000 บาท งวดแรกชำระภายในวันที่ 30กรกฎาคม 2530 ในการนี้จำเลยได้มอบสมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ของจำเลยพร้อมด้วยใบมอบฉันทะให้ถอนเงิน5 ฉบับ ๆ ละ 4,000 บาท ให้แก่โจทก์ เพื่อโจทก์ไปเบิกเงินมาชำระหนี้ดังกล่าว ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2530 จำเลยหลอกลวงโจทก์ว่าต้องการสมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยที่มอบให้แก่โจทก์ไปให้แขวงการทางรถไฟจังหวัดนครสวรรค์ตรวจสอบซึ่งไม่เป็นความจริงโจทก์หลงเชื่อได้มอบสมุดเงินฝากดังกล่าวแล้วให้แก่จำเลยไปพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้โจทก์จะมีสมุดเงินฝากของจำเลยอยู่ก็ตามแต่จำเลยมีอำนาจสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามใบมอบฉันทะให้ถอนเงินได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังปรากฏว่าในขณะที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากคืนไปจากโจทก์นั้น เงินในบัญชีธนาคารของจำเลยมีจำนวนไม่ถึง 4,000 บาท ซึ่งแม้โจทก์จะมีสมุดเงินฝากของจำเลยและจำเลยไม่สั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินก็ตาม โจทก์ย่อมไม่อาจถอนเงินตามใบมอบฉันทะดังกล่าวได้ การที่จำเลยหลอกลวงเอาสมุดเงินฝากของจำเลยเองไปจากโจทก์จึงย่อมไม่ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากโจทก์แต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.