แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินโจทก์ ซึ่งเป็นภริยาร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1467 ส่วนรถยนต์นั้นแม้จะมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในใบทะเบียนรถยนต์ก็ตาม แต่ใบทะเบียนรถยนต์ก็มิใช่เอกสารอันเป็นที่ตั้งแห่งกรรมสิทธิ์ จึงไม่ใช่เอกสารเป็นสำคัญสำหรับทรัพย์ (รถยนต์) ตามความหมายแห่งมาตรา 1467 ดังกล่าว จึงบังคับจำเลยให้ลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกันไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับโจทก์เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ระหว่างอยู่กินร่วมกันได้ทรัพย์สินจำพวกมีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์เป็นสำคัญ ได้แก่ที่ดินและรถยนต์หลายรายการ แต่ทรัพย์สินดังกล่าวมีชื่อจำเลยแต่ผู้เดียวเป็นเจ้าของในเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ จึงขอให้บังคับจำเลยจัดการจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกัน ในโฉนดที่ดินและในใบทะเบียนรถยนต์
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยตกลงแบ่งทรัพย์สินเท่า ๆ กัน เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจการค้า ที่ดินตามฟ้องเป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่โจทก์จำเลยตกลงแบ่งกันและที่ดินส่วนใหญ่จำเลยนำไปขออนุญาตทางราชการจัดสรรแบ่งขาย หากโจทก์ลงชื่อเป็นเจ้าของร่วมจะเกิดอุปสรรค ส่วนรถยนต์ตามฟ้องจำเลยมีไว้ใช้ในกิจการของบริษัทซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการ ไม่มีเหตุที่จะต้องลงชื่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนดที่ดินตามฟ้องและในทะเบียนรถยนต์รายการที่ 18 ถึง 20
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์จำเลยมีข้อตกลงแยกกันทำการค้าและแบ่งกันลงชื่อในทรัพย์สิน เป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยมีสัญญาระหว่างสมรส ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 นั้น ฝ่ายโจทก์ก็ปฏิเสธ จำเลยคงมีแต่ตัวจำเลยเป็นพยานเบิกความในข้อนี้ลอย ๆ เพียงปากเดียว หามีพยานหลักฐานสนับสนุนไม่ คดียังไม่พอฟังว่ามีสัญญาระหว่างสมรสดังที่จำเลยฎีกามา ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าทรัพย์สินคือที่ดินตามฟ้องเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน โจทก์ซึ่งเป็นภริยาจึงชอบที่จะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดที่ดินนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1467
ส่วนรถยนต์อีก 3 คัน ตามรายการที่ 18 ถึง 30 ตามที่ปรากฏในฟ้องแม้จะได้ความว่ามีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในใบทะเบียนรถยนต์ก็ตาม แต่ใบทะเบียนรถยนต์หาใช่เป็นเอกสารอันเป็นที่ตั้งของกรรมสิทธิ์ไม่ จึงมิใช่เอกสารเป็นสำคัญสำหรับทรัพย์ (รถยนต์) ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1467 ไม่ชอบที่จะบังคับจำเลยให้จดทะเบียนในข้อนี้
พิพากษาแก้ว่า ไม่บังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนลงชื่อโจทก์ในทะเบียนรถยนต์รายการที่ 18 ถึง 20 ตามฟ้อง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์