แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะเกิดเหตุคดีของโจทก์อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดที่จะต้องรับฟ้องไว้พิจารณา แต่เมื่อโจกท์ยื่นฟ้องได้มีพระราชกฤษฎีกาขยายเขตอำนาจศาลให้คดีของโจทก์อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวง โจทก์จึงต้องฟ้องคดีต่อศาลแขวง
คดีที่เกิดขึ้นในเขตศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวง ถ้ายื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่ยื่นฟ้องเช่นนั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๒๐ เวลากลางวัน จำเลยร่วมกันกับพวกหมิ่นประมาทโจทก์ เหตุเกิดที่ตำบลนาส่วง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘, ๘๓
ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุบลราชธานี) มีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยเห็นว่าเป็นคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงอุบลราชธานี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คดีนี้วันเกิดเหตุและสถานที่เกิดเหตุตามที่โจทก์กล่าวหาเดิมคดีจะอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดอุบลราชธานีที่จะต้องรับฟ้องไว้พิจารณาก็ตาม แต่ต่อมาจะได้มีพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวง ฯลฯ พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงหลายแห่งรวมทั้งศาลแขวงอุบลราชธานี ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ศาลแขวงอุบลราชธานีมีเขตอำนาจในอำเภอเดชอุดมด้วย และตามมาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกาให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๐ ฉะนั้น พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จึงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๑ ศาลแขวงอุบลราชธานีจึงมีเขตอำนาจในอำเภอเดชอุดมซึ่งความผิดคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๒๑ จึงต้องไปฟ้องต่อศาลแขวงอุบลราชธานี ซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจตามพระราชธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๑๔ (๒) แม้คดีที่เกิดขึ้นในเขตศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวง ถ้ายื่นฟ้องต่อศาลจังหวัด ศาลจังหวัดก็ชอบที่จะรับฟ้องไว้พิจารณาได้นั้น ตามกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้อยู่ในดุลพินิจจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่ยื่นฟ้องเช่นนั้นได้ คดีนี้ศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้ใช้ดุลพินิจไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น คำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน