คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันหลอกลวง พ.ให้ร่วมเล่นการพนันเพื่อกันมิให้ ส.ต้องเสียเงินพ.ถูกหลอกลวงจึงร่วมเล่นการพนันด้วย ดังนั้นการพนันจึงเป็นเหตุการณ์อันหนึ่งที่จำเลยกับพวกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาเงินของ พ.โดยวิธีการอันแนบเนียน พ. ไม่ได้เป็นผู้สร้างเรื่องให้มีการเล่นการพนัน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง พ.จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,83 กับให้จำเลยทั้งสองคืนเงินที่ฉ้อโกงไปเป็นเงิน 550,000 บาทแก่ผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี กับให้จำเลยที่ 1 คืนเงินจำนวน 550,000 บาทแก่ผู้เสียหาย ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วย โดยอธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อในท้ายอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยและรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 โดยอธิบดีกรมอัยการลงมือชื่อในท้ายฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงและรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ผู้เสียหายในคดีนี้มิได้เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) นั้น ตามฟ้องของโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมเล่นการพนันเพื่อกันไม่ให้นายเสี่ยต้องเสียเงิน ผู้เสียหายถูกหลอกลวงจึงร่วมเล่นการพนันการพนันเป็นเหตุการณ์อันหนึ่งที่จำเลยที่ 1 กับพวกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาเงินของผู้เสียหายโดยวิธีการอันแนบเนียน ผู้เสียหายไม่ได้เป็นผู้สร้างเรื่องให้มีการเล่นการพนันไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงจึงยังคงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย ฎีกาที่จำเลยที่ 1 อ้างมาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 มาชอบแล้ว
ปัญหาต่อไปเป็นฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ว่าได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 นั้น ข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของผู้เสียหายได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 2 ได้ไปด้วยกับจำเลยที่ 1 ไม่มีพฤติการณ์ใดแสดงว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมรู้เห็นกับจำเลยที่ 1ที่โจทก์ฎีกาว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 เห็นได้ชัดว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกฉ้อโกงผู้เสียหายนั้น ก็ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนฎีกาโจทก์แต่ประการใด ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยคดีชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share