คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยนำสืบพยานโต้แย้งสิทธิในที่ดินพิพาทโดยโจทก์และจำเลยต่างฟ้องเป็นคดีแพ่งกล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทอีกฝ่ายรุกล้ำขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายในระหว่างที่โจทก์และจำเลยยังโต้แย้งสิทธิในที่ดินพิพาทกันอยู่การที่จำเลยเข้าไปปักเสาขึงลวดหนามและจำเลยปลูกต้นผลไม้ในที่ดินพิพาทโดยเข้าใจว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจำเลยจึงไม่มีเจตนาเข้าไปกระทำการใดๆในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุขจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365(2), 358, 359(4), 91, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) ประกอบมาตรา 362มาตรา 359(4), 83 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน เห็นสมควรลงโทษตามมาตรา 365(2) ประกอบมาตรา 362 ให้จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 3,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงสภาพความผิดเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4), 83 จำคุก 1 ปี ปรับคนละ3,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนเมื่อคำนึงถึงสภาพความผิด เห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหายื่นให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติธรรมคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้องจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันตัดฟันต้นผลไม้อันเป็นพืชหรือพืชผลของโจทก์ซึ่งเป็นกสิกรและทำให้อวนตาข่ายของโจทก์เสียหาย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองได้บุกรุกโดยเข้าไปกระทำการใด ๆ ในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุขหรือไม่ เห็นว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองนำสืบพยานโต้แย้งสิทธิในที่ดินพิพาทโดยโจทก์และจำเลยทั้งสองต่างฟ้องเป็นคดีแพ่งกล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท อีกฝ่ายรุกล้ำขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 25/2535 และคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 62/2535 ของศาลชั้นต้น ตามเอกสารหมาย ล.1 ถึงล.4 ในระหว่างที่โจทก์และจำเลยทั้งสองยังโต้แย้งสิทธิในที่ดินพิพาทกันอยู่ การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปปักเสาขึงลวดหนามและจำเลยที่ 2 ปลูกต้นผลไม้ในที่ดินพิพาทโดยเข้าใจว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองจึงไม่มีเจตนาเข้าไปกระทำการใด ๆในอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
พิพากษายืน

Share