แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
วันเกิดเหตุ พ. ก. และผู้เสียหายแต่งชุด นักเรียนไปพบกันที่หน้าโรงเรียนแล้วชวนกันไปชมภาพยนต์ แต่พบกับจำเลยซึ่งชอบพอ พ.โดยบังเอิญจำเลยชวนพ.ไปที่บ้านพักจำเลยพ.จึงชวน ก. และผู้เสียหายไปด้วย เมื่อไปถึงบ้านพักจำเลย จำเลยบอกว่าต้องการจะคุยกับ พ. เพียงลำพัง 2 คน แต่ไม่ได้บอกว่าให้ ก.และผู้เสียหายออกไปนั่งที่ใด ก. และผู้เสียหายจึงไปนั่งอยู่ในห้องนอนของ จ. พี่ชายจำเลย ต่อมา จ. ชวนผู้เสียหายไปตลาดแต่ผู้เสียหายไม่ไปจ.จึงชวนก.ไปตลาด ก. ตกลงไปด้วย ผู้เสียหายจึงปิดประตูห้องอ่านหนังสือคนเดียวและในที่สุดถูกพวกของจำเลยคนหนึ่งข่มขืนกระทำชำเรา ดังนี้ รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นธุระจัดหา ล่อ หรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารโดยนำผู้เสียหายไปให้พวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเรา.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหาล่อและชักพาเด็กหญิงจุติพร ผู้เสียหายอายุ 14 ปี ไปเพื่อการอนาจารโดยนำไปให้นายพิเชษฐ์ข่มขืนกระทำชำเรา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางมาก มาหนองโดน มารดาผุ้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 วรรคสาม จำเลยมีอายุเกินกว่าสิบเจ็ดปีแต่ยังไม่เกินยี่สิบปีลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 4 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีเด็กหญิงจุติพรมาหนองโดน ผู้เสียหายเบิกความว่า วันเกิดเหตุ ผู้เสียหายเด็นหยิงพนิดา ประเสริฐชาติ และเด็กหญิงกนิษฐา จันทร์เจริญแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้านไปพบกันที่หน้าโรงเรียนแล้วชวนกันเพื่อจะไปดูภาพยนต์ เมื่อไปถึงตลาดท่าม่วง ได้พบจำเลยซึ่งชอบพอกับเด็กหญิงพนิดาโดยบังเอิญ จำเลยได้ชวนเด็กหญิงพนิดาไปบ้านพักที่เขื่อนวชิราลงกรณ์คนเดียว เด็กหญิงพนิดาบอกว่า เพื่อนอีก 2 คนจะไปอยู่ที่ไหน จำเลยบอกว่าให้พวกเขาไปดูภาพยนต์ แต่เด็กหญิงพนิดาบอกว่าไม่ได้ต้องไปด้วยกันจำเลยจึงขับรถจักรยานยนต์ไปส่งเด็กหญิงพนิดาก่อนแล้วขับกลับมารับผู้เสียหายและเด็กหญิงกนิษฐาไปบ้านพักจำเลย คำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวตรงกับคำเบิกความของเด็กหญิงพนิดาและเด็กหญิงกนิษฐาพยานโจทก์ รับฟังเป็นความจริงได้โดยเฉพาะเด็กหญิงกนิษฐาเบิกความด้วยว่า เด็กหญิงพนิดาเป็นผู้ชวนเด็กหญิงกนิษฐาและผู้เสียหายไปบ้านพักจำเลยด้วย โดยจำเลยไม่ได้ชวนซึ่งตรงกับที่ผู้เสียหายเบิกความว่า วันเกิดเหตุผู้เสียหายขอตามเด็กหญิงพนิดาเข้าไปที่บ้านจำเลยด้วย เด็กหญิงกนิษฐาเบิกความด้วยว่า เมื่อไปถึงบ้านพักจำเลย จำเลยบอกว่าต้องการจะคุยกับเด็กหญิงพนิดาเพียง 2 คน แต่ไม่ได้บอกว่าให้เด็กหญิงกนิษฐาและผู้เสียหายออกไปนั่งที่ใด เด็กหญิงกนิษฐาและผู้เสียหายจึงไปนั่งอยู่ในห้องของนายจักรี สาธุวงศ์ พี่ชายจำเลยซึ่งผู้เสียหายเบิกความตรงกันและผู้เสียหายเบิกความด้วยว่า นายจักรีชวนผู้เสียหายไปตลาด แต่ผู้เสียหายไม่ได้ต่อจากนั้นนายจักรีได้ชวนเด็กหญิงกนิษฐาไปตลาด เด็กหญิงกนิษฐาตกลงไปด้วยผู้เสียหายจึงปิดประตูห้องอ่านหนังสือคนเดียว และในที่สุดถูกนายพิเชษฐ์ข่มขืนกระทำชำเราดังนี้ รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นธุระจัดหา ล่อหรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร โดยนำผู้เสียหายไปให้นายพิเชษฐ์ข่มขืนกระทำชำเราตามฟ้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.