คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อน คืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุม เมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุม ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า’วันนี้เป็นวันตายของมึง’ และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลัง ผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมา จำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง พอสมควรแก่เหตุ ส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อน เมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตาย การป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๕ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยใช้อาวุธปืนพกยิงจ่าสิบตำรวจวันชัย รัตนรุ่งงาม ผู้ตายโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกหน้าผากด้านซ้ายทะลุเหนือหูซ้าย ผู้ตายถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายคำร้องเพิ่มเติมฟ้อง เหตุเกิดที่ตำบลบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมอาวุธปืนดังกล่าว ปลอกกระสุนปืน ๑ ปลอก กระสุนปืน ๔ นัดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๓ และริบของกลาง
จำเลยให้การว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง แต่กระทำไปเพื่อป้องกันตน
ศาลชั้นต้นฟังว่าตอนจำเลยยิงผู้ตายนั้น ผู้ตายไม่มีอาวุธปืน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๕ ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่ผู้ตายกับจำเลยซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อน ผู้ตายกับจ่าสิบตำรวจสมพงษ์ทำหน้าที่สายตรวจพิเศษนอกเครื่องแบบจำเลยทำหน้าที่หัวหน้าตำรวจจราจร คืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงเนื่องในวันตำรวจที่หอประชุมอำเภอ เมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุม ผู้ตายได้เดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า ‘วันนี้เป็นวันตายของมึง’โดยมีจ่าสิบตำรวจสมพงษ์เดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลัง ผู้ตายเดินตามและชักอาวุธปืนพกออกมา จำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุม จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ๑ นัด ถือได้ว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตน ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุ ส่วนการที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share