แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรนอกกฎหมายนั้นเมื่อมีพฤติการณ์แสดงออก เช่น บิดาได้เลี้ยงดู ให้เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนว่าเป็นบุตรของตน และให้ใช้นามสกุล เช่นนี้แล้วย่อมเป็นการแสดงว่าบิดาได้รับรองแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 1627 ไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.ครอบครัว ซึ่งผิดกับกรณีที่จะจดทะเบียนเด็กให้เป็นบุตรตาม ป.พ.พ. มาตรา 1527 และพ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 19 (ฎีกาที่ 1503/2497)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางหวิงมารดาโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับ ด.ช.เกรียงศักดิ์, ด.ช.บุญเกื้อ โดยนางหวิงมีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง นางหวิงมีบุตร ๔ คนคือโจทก์ นายบุญชู,นายเชิด,น.ส.ชิน,นางหวิง นายบุญชูตายแล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินส่วนของนางหวิงจำเลยคัดค้านว่าเป็นบุตรนายบุญชูจะขอให้ลงชื่อจำเลยด้วย โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลขี้ว่าจำเลยไม่ใช่บุตรนายบุญชู ไม่มีสภาพและสิทธิจะได้รับมรดกของนางหวิงแทนที่นายบุญชู
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลสั่งนัดพิจารณาโจทก์ไปฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเป็นบุตรนอกกฎหมาย แต่นายบุญชูได้รับรองจำเลยเป็นบุตรตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๒๗ แล้ว หาจำเป็นต้องไปจดทะเบียนรับรองจำเลยว่าเป็นบุตรตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวดังโจทก์อุทธรณ์ไม่ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์ที่นายบุญชูแสดงออก เช่น มีการเลี้ยงดูจำเลยและให้เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนว่าเป็นบุตรของตน ทั้งให้ใช้นามสกุล ย่อมเป็นการแสดงว่านายบุญชูได้รับรองจำเลยต้องตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๒๗ และฎีกาที่ ๑๕๐๓/๒๔๙๗ แล้ว คดีนี้เป็นกรณีบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๒๗ ผิดกับกรณีที่จะจดทะเบียนเด็กให้เป็นบุตรตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๒๗ และ พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๑๙ ที่โจทก์อ้างมา พิพากษายืน