คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยิงคนที่เดินกลับจากนาเฉย ๆ และมิใช่เป็นคนร้าย โดยจำเลยมิได้พินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน แต่จำเลยสำคัญผิดไปว่าเป็นคนร้ายที่จะมาแย่งชิงทรัพย์จำเลยเช่นนี้ ไม่เป็นข้อแก้ตัวให้จำเลยพ้นผิดไปได้ตามประมวล ก.ม.อาญา ม.61 การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุและกรณีแห่งความจำเป็น
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำที่ 198/2500 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี และโจทก์เพิ่งจะมากล่าวอ้างในท้ายคำอุทธรณ์ของโจทก์นั้นว่าคดีดำที่ 198/2500 ศาลพิพากษาไปแล้ว พิพากษาว่ากระไรก็ไม่กล่าว สำนวนก็ไม่อ้างมาประกอบการกล่าวอ้างเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ ๆ จะต้องกล่าวอ้างให้ชัดเจนประกอบด้วยหลักฐานว่าคดีได้ดำเนินไปแล้วประการใด เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นข้ออันศาลจะรู้ได้เอง ศาลฎีกาไม่สั่งนับโทษต่อให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงนายเคลิ้มตาย โดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา ๒๘๘ และขอให้นับโทษต่อจากคดีดำที่ ๑๙๘/๒๕๐๐
จำเลยให้การว่ายิงผู้ตายจริง เพราะในคืนเกิดเหตุจำเลยกลับจากขายกระบือถึงกลางป่าพบผู้ตายกับพวกอีก ๑ คนยืนอยู่ข้างทางและมีปืนด้วย จำเลยตกใจคิดว่าเป็นคนร้ายจึงได้ยิงไป และรับว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยในคดีดำที่ ๑๙๘/๒๕๐๐ ของศาลจริง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยยิงผู้ตายเนื่องจากความที่ตื่นตกใจกลัว เห็นว่ายังไม่สมควรลงโทษตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา ๖๙ ตอนท้าย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยฆ่าคนตายโดยประมาท พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา ๒๙๑,๖๒ วรรค ๒ จำคุก ๒ ปี ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อคดีดำของศาลจังหวัดสุพรรณบุรีที่ ๑๙๘/๒๕๐๐ นั้นไม่ ปรากฎว่าคดีดำดังกล่าวศาลได้พิพากษาแล้วหรือยัง จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการที่จำเลยยิงปืนไป ๑ นัด โดยมุ่งเล็งไปทางคนที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเป็นการกระทำโดยเจตนาและประสงค์ต่อผลคือการยิงคนที่อยู่ในขณะนั้นด้วยความสำคัญว่าเป็นคนร้ายที่จะมาแย่งทรัพย์ของจำเลย แต่ปรากฎว่าผู้ตายเป็นคนเดินทางกลับจากนามาเฉย ๆ และมิใช่คนร้าย โดยจำเลยมิได้พินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนเช่นนี้ ไม่เป็นข้อแก้ตัวให้จำเลยพ้นผิดไปได้ตามประมวลก.ม.อาญา มาตรา ๖๑ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุ และกรณีแห่งความจำเป็น แต่จำเลยควรได้รับความกรุณาอยู่บ้าง
ข้อที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำที่ ๑๙๘/๒๕๐๐ นั้น เมื่อศาลตัดสินคดีดำที่ ๑๙๘/๒๕๐๐ แล้ว โจทก์ไม่แถลงให้ศาลทราบว่าคดีนั้นศาลได้ตัดสินไปประการใด มาปรากฎในท้ายอุทธรณ์ของโจทก์ตอนหนึ่งว่า คดีดำที่ ๑๙๘/๒๕๐๐ ศาลได้พิพากษาไปแล้ว ตัดสินว่ากระไรก็ไม่ได้กล่าวสำนวนก็ไม่อ้างประกอบ การกล่าวอ้างเพื่อเป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์โจทก์จะต้องกล่าวให้ชัดเจนประกอบด้วยหลักฐานว่าคดีได้ดำเนินไปแล้วประการใด ไม่ใช่เป็นข้อที่ศาลจะรู้ได้เองอย่างที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยผิดตามประมวล ก.ม.อาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วย มาตรา ๖๑ และ ๖๙ ให้จำคุก ๑ ปี

Share