แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล่อยกระบือเข้าไปกินข้าวในนาของผู้เสียหาย จำเลยให้การว่าได้ปล่อยกระบือเข้าไปในทุ่งสาธารณะแล้วกระบือกินข้าวของผู้เสียหายดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่สืบพะยาน ก็ไม่อาจฟังว่าที่ที่ปลูกข้าวเป็นที่นา ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล่อยกระบือเข้าไปในนาของนายผัน นางแก้วซึ่งได้ปลูกข้าวมีประโยชน์อยู่แล้ว กระบือเหยียบย่ำกัดกินต้นข้าวเสียหาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ (๑) จำเลยให้การว่าจำเลยปล่อยกระบือไปกินหญ้าในทุ่งสาธารณสำหรับเลี้ยงสัตว์พาหนะ แล้วกระบือได้กินต้นข้าวนายผัน นายแก้วซึ่งปลูกไว้ในทุ่งสาธารณะนั้น โจทก์ไม่สืบพะยาน.
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดอาญาอย่างใด พิพากษายกฟ้องโจทก์.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยผิดตามกฏหมายอาญามาตรา ๓๔๐ (๑) ให้ปรับจำเลย แต่มีความเห็นแย้งว่าจำเลยรับว่า กระบือจำเลยกินข้าวในทุ่งสาธารณะ มิได้รับว่าเข้ากินในนาเห็นด้วยศาลชั้นต้นที่ยกฟ้อง.
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล่อยกระบือเข้าไปในนาของนายผัน นายแก้ว จำเลยให้การปฏิเสธโดยว่าปล่อยกระบือกินหญ้าในทุ่งสาธารณะได้ความว่าที่ที่จำเลยปล่อยกระบือนี้เป็นทุ่งสำหรับเลี้ยงสัตว์สาธารณะ แต่มีข้าวปลูกอยู่บ้าง หาใช่เป็นของนายผัน นายแก้วดังกล่าวในฟ้องไม่ เมื่อเป็นดั่งนี้จึงเป็นอันว่า โจทก์สืบแสดงไม่ได้ว่าที่ที่ปลูกข้าวนั้นเป็นนาดั่งฟ้องจำเลยจึงมิได้กระทำผิด จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น.