คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368-2375/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อการกระทำของโจทก์ที่นัดหยุดงานแล้วปิดกั้นประตูโรงงานของจำเลยเป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์ได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย การที่จำเลยมิได้เลิกจ้างทันทีจนเวลาล่วงเลยมาปีเศษและที่จำเลยพิจารณาลูกจ้างอื่นรวมทั้งโจทก์ที่เข้าทำงานตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า ลูกจ้างคนใดประพฤติตัวดีก็ไม่เลิกจ้าง คงเลิกจ้างเฉพาะผู้ที่มิได้กลับตัวประพฤติตนให้ดีขึ้นนั้นเป็นเพียงเหตุประกอบการพิจารณาที่จะอภัยแก่การกระทำของลูกจ้างและโจทก์ที่ปิดกั้นประตูโรงงานหรือไม่เท่านั้น และเหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์กับพวกก็คือเหตุที่ร่วมกันปิดกั้นประตูโรงงานนั่นเองจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยสละสิทธิเหตุที่จะเลิกจ้างโจทก์ และถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์กระทำผิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย จึงไม่ต้องคืนเงินประกันแก่โจทก์แต่จำเลยเพียงนำสืบว่าโจทก์ร่วมกันปิดกั้นประตูโรงงานของจำเลยเท่านั้น ไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยเสียหายอย่างไรเป็นจำนวนเงินเท่าใด จำเลยจึงต้องคืนเงินประกันแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งแปดเป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ขณะโจทก์เข้าทำงานจำเลยได้เรียกเงินประกันค่าเสียหาย โดยตกลงว่าจะคืนให้เมื่อเลิกจ้าง ต่อมาจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า โดยไม่มีสาเหตุความผิด เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ และเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ทั้งมิได้จ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและคืนเงินประกันแก่โจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินประกัน ค่าเสียหาย ค่าชดเชย แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างเพราะโจทก์ทั้งแปดกระทำผิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ค่าเสียหาย และคืนเงินประกันแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ที่ ๖ และที่ ๗ ขาดนัดพิจารณา
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งแปดอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าสหภาพแรงงานฯ ในฐานะตัวแทนของสมาชิกที่เป็นลูกจ้างของจำเลยได้ยื่นข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างได้มีการเจรจากันแล้วตกลงกันไม่ได้ สหภาพแรงงานฯ จึงนัดหยุดงานระหว่างนัดหยุดงาน คนงานรวมทั้งโจทก์ทั้งแปดได้ปิดกั้นประตูเข้าออกโรงงานและขัดขวางมิให้รถยนต์ของจำเลยเข้าไปในโรงงาน ต่อมาจำเลยฟ้องนายสมศักดิ์กับพวกที่เป็นผู้นำในการปิดกั้นประตูโรงงานต่อศาลแรงงานกลางตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ ๘๗๙/๒๕๒๖แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงาน ระหว่างมีการนัดหยุดงาน จำเลยได้ถ่ายภาพและถ่ายแถบบันทึกภาพ (วีดีโอ) ไว้เป็นหลักฐาน หลังจากศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ๘๗๙/๒๕๒๖ว่า การกระทำของนายสมศักดิ์กับพวกที่ปิดกั้นประตูโรงงานเป็นละเมิดให้นายสมศักดิ์กับพวกร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยคดีนี้ คดีถึงที่สุดจำเลยได้ดูภาพถ่ายกับแถบบันทึกภาพเหตุการณ์การปิดกั้นประตูโรงงาน ปรากฏว่ามีโจทก์ทั้งแปดกับคนงานอื่นร่วมด้วยและเห็นว่าลูกจ้างส่วนใหญ่ประพฤติตัวดีขึ้น เว้นแต่ลูกจ้างประมาณ ๖๐ คน รวมทั้งโจทก์ทั้งแปด จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดกับพวกรวม ๖๐ คน เห็นว่า การกระทำของโจทก์ทั้งแปดเป็นการจงใจให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๘๒ และโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใช้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ ๔๗(๒) แล้ว การที่จำเลยมิได้เลิกจ้างทันทีแม้เวลาจะล่วงเลยมา ๑ ปีเศษ แต่การกระทำของโจทก์ทั้งแปดดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นแล้วและยังมีอยู่ เหตุที่จำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดทันทีก็เพื่อรอฟังผลของคดีหมายเลขแดงที่ ๘๗๙/๒๕๒๖ ทั้งนี้เพื่อมิให้มีข้อครหาว่าจำเลยกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งแปดด้วย และที่จำเลยพิจารณาลูกจ้างรวมทั้งโจทก์ทั้งแปดที่เข้าทำงานตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้วว่า ลูกจ้างคนใดประพฤติตัวดีก็ไม่เลิกจ้าง คงเลิกจ้างเฉพาะผู้ที่มิได้กลับตัวประพฤติตนให้ดีขึ้น นั้น เหตุดังกล่าวเป็นเพียงเหตุประกอบการพิจารณาที่จะให้อภัยแก่การกระทำของลูกจ้างและโจทก์ทั้งแปดที่ปิดกั้นประตูโรงงานหรือไม่เท่านั้นและเหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดกับพวกก็คือเหตุที่ร่วมกันปิดกั้นประตูโรงงานของจำเลย เป็นการจงใจทำให้จำเลยเสียหายนั่นเองจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยสละสิทธิเหตุที่เลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดแล้ว และถือไม่ได้ด้วยว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ตามคดีหมายเลขแดงที่ ๘๗๙/๒๕๒๖ โจทก์ทั้งแปดมิได้ร่วมเป็นคู่ความหรือถูกฟ้องด้วย คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ทั้งแปดในคดีนี้และคดีนี้จำเลยก็เพียงให้การต่อสู้ว่า โจทก์ทั้งแปดกระทำผิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายจึงไม่ต้องคืนเงินประกันแก่โจทก์ทั้งแปด และจำเลยเพียงนำสืบว่าโจทก์ทั้งแปดร่วมปิดกั้นประตูโรงงานของจำเลยเท่านั้น ไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยเสียหายอย่างไร เป็นจำนวนเงินเท่าใด การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ลูกจ้างที่ร่วมปิดกั้นประตูโรงงานเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายในคดีหมายเลขแดงที่ ๘๗๙/๒๕๒๖ คดีนี้โจทก์ทั้งแปดร่วมกับลูกจ้างปิดกั้นประตูโรงงาน จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่จำเลย จำเลยไม่ต้องคืนเงินประกันแก่โจทก์ทั้งแปดนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนเงินประกันแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง

Share