แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคสอง หมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ถูกยึดทรัพย์สินซึ่งถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวไม่มีทรัพย์สินอื่นอีกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นก็ขอเฉลี่ยเงินที่ขายทรัพย์สินนั้นได้หาได้หมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาอื่นในคดีที่ผู้ขอเฉลี่ยชนะคดีหรือบุคคลอื่นอีกไม่ ดังนั้นเมื่อจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจากทรัพย์ที่ถูกโจทก์นำยึดไว้ ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์นำยึดได้แม้ผู้ร้องสามารถเอาชำระจากทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่นำมาจำนองประกันหนี้จำเลยได้ก็ตาม
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน2,000,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระโจทก์ทั้งสองขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 11069 ถึง 11100 ของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยคดีนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น คดีหมายเลขแดงที่ 15724/2523 ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ชำระเงินโจทก์จำนวน 1,499,235 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,400,000 บาทนัดถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป กับให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแต่จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระและจำเลยคดีนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดพอที่ผู้ร้องจะยึดมาชำระหนี้ได้ นอกจากทรัพย์สินที่โจทก์ยึดไว้ในคดีนี้ขอให้มีคำสั่งเฉลี่ยหนี้แก่ผู้ร้องตามส่วน
โจทก์ทั้งสองคัดค้านว่า ผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและหนี้ตามคำพิพากษาเกิดจากการสมยอม หนี้ในคดีของผู้ร้องมีทรัพย์จำนองเป็นประกัน ผู้ร้องสามารถบังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้ซึ่งยังมีอยู่อีก ขอให้ยกคำร้อง
จำเลยคัดค้านว่า ในคดีที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้น จำเลยที่ 3 และนายพูลศิริ จรรยาศักดิ์ จำนองที่ดิน ไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหนี้ของผู้ร้องและผู้ร้องสามารถบังคับชำระหนี้ได้ จึงไม่มีสิทธิเข้าเฉลี่ยทรัพย์ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยในคดีนี้และให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์สินที่โจทก์ทั้งสองนำยึดหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ทั้งสองว่า ผู้ร้องมีสิทธิเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยที่โจทก์ทั้งสองนำยึดหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้หรือไม่ปัญหานี้โจทก์ทั้งสองฎีกายกข้อโต้เถียงแต่เพียงว่า ผู้ร้องยังมีที่ดินอันเป็นหลักทรัพย์ที่นางจีระพรรณ ศรีประจิตติชัย และนายพูลศิริ จรรยาศักดิ์ นำมาจำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ผู้ร้องสามารถนำยึดมาขายทอดตลาดบังคับคดีเอาเงินชำระหนี้ของตนได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิมาขอเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสองที่ห้ามมิให้ศาลอนุญาตตามคำขอเฉลี่ยทรัพย์ เว้นแต่ศาลเห็นว่าผู้ยื่นคำขอไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น คำว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาในที่นี้หมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ถูกยึดทรัพย์สินอยู่ในคดีนี้ ถ้าไม่มีทรัพย์สินอื่นอีกผู้ขอก็ขอเฉลี่ยจากเงินที่ขายทรัพย์ได้ หาได้หมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาคนอื่นในคดีที่ผู้ขอเฉลี่ยชนะคดีหรือบุคคลอื่นอีกไม่ กรณีของจำเลยในคดีนี้ปรากฏว่า จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาถูกโจทก์ทั้งสองนำยึดทรัพย์สินอยู่ในคดีนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นอีก คงมีแต่ทรัพย์สินที่ถูกโจทก์ทั้งสองนำยึดอยู่ในคดีนี้เท่านั้น ผู้ร้องจึงไม่สามารถเอาชำระหนี้ของตนได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิขอเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยที่โจทก์ทั้งสองยึดไว้ได้ แม้ผู้ร้องจะสามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของบุคคลอื่นที่นำมาจำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยดังโจทก์ทั้งสองฎีกาก็ตาม ก็หาทำให้ผู้ร้องไม่มีสิทธิมาขอเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยดังกล่าวไม่…”
พิพากษายืน