แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย 3 เดือน และปรับ 6,000 บาทแต่ไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะของกลางเป็นให้ริบ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาขอไม่ให้ริบของกลางเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล เป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติทางหลวงพ.ศ. 2535 มาตรา 61, 73 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 61, 73 จำคุก 3 เดือน ปรับ 6,000 บาทรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่ลดโทษให้ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ภายใน 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนคำขอให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางนั้นเห็นว่าน้ำหนักที่บรรทุกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่มากนัก จึงยังไม่สมควรริบ ยกคำขอส่วนนี้
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบของกลาง โดยอัยการพิเศษประจำเขต 2ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยให้จำคุก 3 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะของกลางเป็นให้ริบ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาขอไม่ให้ริบของกลางเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายกฎีกาจำเลย