คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยลักสมุดคู่ฝากเงินธนาคารของ ว. ไปแล้วปลอมลายมือชื่อของ ว. ลงในใบถอนเงินของธนาคาร และนำสมุดคู่ฝากเงินพร้อมใบถอนเงินไปแสดงต่อพนักงานธนาคารและรับเงินไป เป็นการกระทำที่มีเจตนามุ่งหมายเพื่อให้ได้เงินจากธนาคารเป็นหลัก การกระทำต่าง ๆเป็นเพียงวิธีการเพื่อจะให้ได้เงินไปเท่านั้น แม้การกระทำแต่ละอย่างจะเป็นความผิดก็เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทที่จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการรับว่าได้กระทำการต่าง ๆดังที่โจทก์ฟ้อง ส่วนที่จำเลยจะผิดกฎหมายบทใดเป็นอำนาจศาลจะพิจารณาวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,264, 265, 268, 335, 341, 342 และให้จำเลยคืนเงินจำนวน6,400 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 335(7), 341, 342 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) ซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 วางโทษจำคุก 2 ปี และปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี และปรับ2,000 บาท ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และมีบุตรผู้เยาว์ต้องอุปการะเลี้ยงดู3 คน ทั้งจำเลยชำระเงินตามคำขอท้ายฟ้องคืนแก่ผู้เสียหายแล้ว สมควรให้โอกาสแก่จำเลยเพื่อปรับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนดเวลา 2 ปี คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าตามวันเวลากระทำผิดลักษณะความผิดและผู้เสียหาย ตลอดทั้งพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดและเจตนาการกระทำความผิดของจำเลยตามฟ้องแตกต่างกันการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปนั้น เห็นว่า แม้วันเวลากระทำผิดลักษณะของความผิดและผู้เสียหายจะแตกต่างกัน แต่การที่จำเลยลักสมุดคู่ฝากเงินธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาทุ่งสงของนางวรรณา เจียมวิจิตร ไปแล้วปลอมลายมือชื่อของนางวรรณาลงในใบถอนเงินของธนาคารดังกล่าว และนำสมุดคู่ฝากเงินพร้อมทั้งใบถอนเงินไปแสดงต่อพนักงานของธนาคาร และได้รับเงินจำนวน 6,400 บาท ไป ก็เป็นการกระทำที่มีเจตนามุ่งหมายเพื่อจะให้ได้เงินจากธนาคารเป็นหลัก ส่วนการกระทำอย่างอื่นเป็นเพียงวิธีการเพื่อที่จะให้ได้เงินไปเท่านั้น ซึ่งแม้การกระทำนั้น ๆจะเป็นความผิด แต่ก็เป็นกรณีการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นเรื่องเจตนาการกระทำผิดของจำเลยแตกต่างกันและเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันอย่างที่โจทก์อ้างไม่ซึ่งแม้ว่าจำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ ก็เป็นการรับสารภาพว่าได้กระทำการต่าง ๆ ดังที่โจทก์ฟ้อง ส่วนที่ว่าจำเลยจะมีความผิดตามบทกฎหมายใดหรือไม่ เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาวินิจฉัยที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าการกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share