คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2243/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300พระราชบัญญัติจราจรทางบกโดยบรรยายฟ้องว่า ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงทุพพลภาพและป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20วัน หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน แม้โจทก์จะยื่นฟ้องจำเลยภายหลังวันเกิดเหตุเพียง 13 วัน เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาคดีโดยไม่สืบพยานได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทชนนายประมวลได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4), 157

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงทุพพลภาพและป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน แต่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหลังวันเกิดเหตุเพียง 13 วัน ข้อเท็จจริงย่อมยังฟังไม่ได้ว่าระยะเวลาที่ผู้เสียหายป่วยเจ็บจะเกินกว่า 20 วันนั้น ข้อหาในความผิดซึ่งจำเลยรับสารภาพ คือ ข้อหาฐานขับรถโดยประมาท และข้อหาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ซึ่งข้อหาดังกล่าวกฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกห้าปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงมีอำนาจที่จะรับฟังข้อเท็จจริงตามฟ้องแล้วพิพากษาโดยไม่สืบพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคแรก

พิพากษายืน

Share