คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า ภายหลังจำเลยได้รับเงินมัดจำจากโจทก์จำนวน 3,400,000 บาท จำเลยได้นำเงิน 2,000,000 บาท ที่ได้รับจากโจทก์ไปวางมัดจำแก่ ส. ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ขายให้แก่จำเลย ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยไม่ได้รับเงินมัดจำตามเช็คจำนวน 3,000,000 บาท จึงอยู่นอกเหนือประเด็นข้อพิพาท การที่จำเลยยกข้อเท็จจริงที่ตนนำสืบนอกเหนือจากที่ให้การไว้เป็นเหตุผลในฎีกาของจำเลยเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้จำเลยชนะคดี ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 3,527,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 3,400,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าเสียหาย 4,145,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,527,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 3,400,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 12 มิถุนายน 2558) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ยกฟ้องแย้งของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับฟ้องเดิมและฟ้องแย้งในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 7994 เลขที่ดิน 42 อำเภอพระราชวัง (วังน้อย) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับจำเลยผู้จะขาย กำหนดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 ตามสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำ เมื่อถึงกำหนดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 นางเพ็ชรปภัสร ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เดินทางไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาขาวังน้อย พบจำเลยที่สำนักงานที่ดินดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายมิได้ดำเนินการซื้อขายที่ดินกันในวันนั้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยต้องคืนเงินมัดจำให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้รับเงินมัดจำตามเช็คจำนวน 3,000,000 บาท จากโจทก์ โดยจำเลยนำสืบแล้วว่า โจทก์นำเช็คไปให้นางเตือนใจ คนสนิทของโจทก์นำไปเข้าบัญชีของนางเตือนใจ จำเลยจึงมิได้รับเงินมัดจำตามเช็คดังกล่าวนั้น เห็นว่า จำเลยให้การว่า ภายหลังจำเลยได้รับเงินมัดจำจากโจทก์จำนวน 3,400,000 บาท จำเลยได้นำเงินจำนวน 2,000,000 บาท ที่ได้รับจากโจทก์เป็นค่ามัดจำไปวางมัดจำแก่นางสุจิตรา ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ขายให้แก่จำเลยดังนี้ ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยไม่ได้รับเงินมัดจำตามเช็คจำนวน 3,000,000 บาท จึงอยู่นอกเหนือประเด็นข้อพิพาท การที่จำเลยยกข้อเท็จจริงที่ตนนำสืบนอกเหนือจากที่ให้การไว้เป็นเหตุผลในฎีกาของจำเลยเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้จำเลยชนะคดี ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้ออื่นอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share