คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนให้ ส. เพื่อให้ ส. เตรียมเมทแอมเฟตามีนให้อยู่ในสภาพพร้อมเสพ แล้วจำเลยและ ส. เสพด้วยกันในเวลาต่อเนื่องกับที่ ส. ได้รับเมทแอมเฟตามีนมา แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเสพเมทแอมเฟตามีน แต่เนื่องจาก ส. มีอุปกรณ์การเสพแล้วจึงมีเจตนาเสพเมทแอมเฟตามีนด้วยกันในภายหลัง จำเลยจึงให้ ส. ช่วยดำเนินการให้เท่านั้น เป็นการมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้กระทำความผิดด้วยกัน มิใช่เรื่องที่จำเลยมีเจตนาแจกจ่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ ส. การกระทำของจำเลยจึงหาได้อยู่ในความหมายของคำว่า “จำหน่าย” ตามความในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ป.อ. มาตรา 32, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง, 67 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 6 ปี คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนและทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 ที่แก้ไขใหม่ แต่เฉพาะโทษปรับให้ใช้ตามมาตรา 67 เดิม (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคหนึ่งเดิมด้วย) โดยให้ลงโทษปรับจำเลย 12,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้วคงปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 2 เดือน ต่อครั้งเป็นเวลา 1 ปี และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… คดีมีปัญหาต้องพิจารณาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ให้แก่นายสมหมายหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของนายสมหมายมีพฤติการณ์บ่งชี้ไปในทางว่าจำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนให้นายสมหมายเพื่อให้นายสมหมายเตรียมเมทแอมเฟตามีนให้อยู่ในสภาพพร้อมเสพ แล้วจำเลยและนายสมหมายเสพด้วยกันในเวลาต่อเนื่องกันกับที่นายสมหมายได้รับเมทแอมเฟตามีนมา แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเสพเมทแอมเฟตามีนแต่เนื่องจากนายสมหมายมีอุปกรณ์การเสพ จำเลยจึงให้นายสมหมายช่วยดำเนินการให้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยให้เมทแอมเฟตามีนแก่นายสมหมายเพื่อให้นายสมหมายเสพแต่เพียงลำพัง แม้โจทก์จะมีบันทึกการจับกุมมายืนยันว่าชั้นจับกุมแจ้งข้อหาว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนแก่นายสมหมายถือได้ว่าเป็นการแจกจ่ายหรือให้ อันเป็นความผิดสำเร็จฐานจำหน่ายแล้ว แม้จำเลยกับนายสมหมายจะเสพเมทแอมเฟตามีนด้วยกัน ก็เป็นการกระทำความผิดฐานเสพที่ต่อเนื่องอีกส่วนหนึ่งนั้น เห็นว่า จากคำเบิกความของนายสมหมายฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนาจะร่วมเสพเมทแอมเฟตามีนมาตั้งแต่ต้น ได้มอบเมทแอมเฟตามีนให้นายสมหมายซึ่งมีอุปกรณ์การเสพเตรียมยาเสพติดให้โทษให้อยู่ในสภาพพร้อมเสพแล้วเสพด้วยกัน เป็นการมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้กระทำความผิดด้วยกัน มิใช่มีเจตนาแจกจ่ายให้แก่นายสมหมาย แล้วจึงมีเจตนาเสพเมทแอมเฟตามีนด้วยกันในภายหลัง การกระทำของจำเลยหาได้อยู่ในความหมายของคำว่าจำหน่าย ตามความในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share