คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะมิได้นำผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางมาเบิกความประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางเอกสารหมายจ.2ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา243วรรคสองแต่โจทก์ก็ยังมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยันว่าได้ส่งของกลางไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ผลปรากฏว่าของกลางเป็นเฮโรอีนดังนี้การนำสืบพยานโจทก์ดังกล่าวรับฟังได้ว่าของกลางตามฟ้องเป็นเฮโรอีน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนจำนวน 6 หลอด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้จำหน่ายเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 66 วรรคหนึ่ง เพียงกรรมเดียว จำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าของกลางเป็นเฮโรอีนนั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้นำผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางมาเบิกความประกอบรายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางเอกสารหมาย จ.2 ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 วรรคสอง ก็ตามแต่โจทก์ก็ยังมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความยืนยันสนับสนุนว่าได้ส่งของกลางไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ผลปรากฏว่าของกลางเป็นเฮโรอีนถึงแม้จำเลยจะให้การปฏิเสธ ก็เป็นการปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น ไม่ใช่ปฏิเสธว่ารายงานการตรวจพิสูจน์ของกลางไม่ชอบโดยตรงจำเลยต้องนำสืบหักล้างผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวให้เห็นเป็นอย่างอื่น แต่จำเลยหาได้นำสืบหักล้างไม่ ดังนี้การนำสืบพยานโจทก์ดังกล่าวรับฟังได้ว่าของกลางตามฟ้องเป็นเฮโรอีน
พิพากษายืน

Share