คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้กองมรดกของจำเลยร่วมกันชำระเงิน แก่โจทก์ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลย อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นและมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลภายในกำหนด ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1ทิ้งอุทธรณ์ ผู้ร้องในฐานะทายาทโดยธรรมของจำเลยและเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกของจำเลยจึงได้ขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลแทนผู้รับมรดกความแทนที่จำเลย ศาลชั้นต้นอนุญาตและได้สั่งรับอุทธรณ์จำเลยแล้วแม้ต่อมาระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและคืนค่าขึ้นศาลให้กึ่งหนึ่งไปแล้วก็ตาม แต่การที่ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลซึ่งตามคำร้องผู้ร้องระบุชัดว่า ขอวางแทนผู้รับมรดกความแทนที่จำเลย และการวางเงินดังกล่าวเป็นผลให้ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไปแล้ว เมื่อจำเลยของถอนอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงยังมีผลบังคับอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีย่อมมีสิทธิรับเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นซึ่งจำเลยจะต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้และเมื่อผู้ร้องวางเงินจำนวนดังกล่าวแทนผู้รับมรดกความแทนที่จำเลย ย่อมมีผลเท่ากับผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1เป็นผู้วางเอง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอรับเงินนั้นคืน แม้ว่าจะเป็นเงินส่วนตัวของผู้ร้องเองก็ตาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้กองมรดกของจำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 50,000 บาทจำเลยที่ 1 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 1อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น และมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลภายในกำหนด10 วัน ครบกำหนดแล้วจำเลยที่ 1 ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งอุทธรณ์ ต่อมาผู้ร้องทั้งสามในฐานะทายาทโดยธรรมของจำเลยที่ 1 และเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกของจำเลยที่ 1 ได้ขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์รวมจำนวน 450,880 บาท มาวางศาลแทนผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1ศาลชั้นต้นอนุญาตและได้สั่งรับอุทธรณ์จำเลยที่ 1 เมื่อผู้ร้องทั้งสามนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระแล้วต่อมาระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 ขอถอนอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและคืนค่าขึ้นศาลให้กึ่งหนึ่ง ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ศาลหยิบยกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ขึ้นพิจารณาอีก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ผิดระเบียบ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ผิดระเบียบได้จะต้องเป็นคู่ความฝ่ายที่เสียหาย แต่ผู้ร้องทั้งสามยังมิได้เข้ามาเป็นคู่ความไม่ว่าในฐานะจำเลยร่วมหรือผู้ร้องสอด การที่ผู้ร้องทั้งสามนำเงินค่าธรรมเนียมวางต่อศาลชั้นต้นก็ได้กระทำในนามของจำเลยที่ 1 มาโดยตลอด มิได้ดำเนินการในนามของคู่ความอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้ร้องทั้งสามจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งเรื่องผิดระเบียบ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย พิพากษาให้ยกคำร้อง คืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่ผู้ร้องทั้งสาม
ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่วางไว้คืนแต่ปรากฏว่าโจทก์รับเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายความจำนวน250,880 บาท ไปจากศาลชั้นต้นแล้ว ศาลชั้นต้นจึงแจ้งให้โจทก์คืนเงินจำนวนดังกล่าว โจทก์แถลงว่าเงินจำนวน 250,880 บาท นั้นเป็นเงินที่ผู้ร้องทั้งสามนำมาชำระค่าธรรมเนียมและค่าทนายความตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแทนจำเลยที่ 1 เมื่อผู้ร้องทั้งสามได้ชำระเงินตามคำพิพากษาแล้ว จึงไม่มีสิทธิที่จะรับคืน คงมีสิทธิรับคืนเฉพาะค่าธรรมเนียมในการยื่นอุทธรณ์เท่านั้น โจทก์จึงไม่ต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องทั้งสามไม่ได้เป็นคู่ความ จึงยกคำร้องและให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดแก่ผู้ร้องทั้งสาม ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์เป็นพับ ผู้ร้องทั้งสามไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้นตามที่โจทก์แถลง โจทก์มีอำนาจบังคับคดีแก่จำเลยตามคำพิพากษาอยู่แล้ว จึงให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมที่รับไปนั้นมาคืน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาคืน และยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสามที่ขอค่าธรรมเนียมคืน ฉบับลงวันที่ 16 ตุลาคม 2539
ผู้ร้องทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลงวันที่ 1 เมษายน 2537 ว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนยากจนถึงกับไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ผู้ร้องทั้งสามเพิ่งทราบคำสั่งศาลและทราบว่าผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าธรรมเนียมภายในกำหนดที่ศาลสั่ง ทำให้เป็นผลเสียหายแก่คดีของจำเลยที่ 1และถ้าจำเลยที่ 1 มีโอกาสต่อสู้คดีในศาลอุทธรณ์ มีโอกาสชนะคดีในที่สุด เพื่อให้โอกาสจำเลยที่ 1 ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ผู้ร้องทั้งสามจึงประสงค์ขอชำระค่าธรรมเนียมแทนผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องทั้งสามนำค่าขึ้นศาลมาชำระภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2537 และต่อมาผู้ร้องทั้งสามได้นำเงินมาวางศาลจำนวน 450,880 บาท เป็นค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ 250,880 บาท และเป็นค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จำนวน 200,000 บาท ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เห็นว่า การที่ผู้ร้องทั้งสามนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ 250,880 บาท มาวางศาล ผู้ร้องทั้งสามก็ระบุชัดในคำร้องว่า ขอวางแทนผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 และการวางเงินดังกล่าวเป็นผลให้ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1เมื่อจำเลยที่ 1 ขอถอนอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงยังมีผลบังคับอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิรับเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องใช้แทนโจทก์จำนวน 250,880 บาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ และเมื่อผู้ร้องทั้งสามวางเงินจำนวนดังกล่าวแทนผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 มีผลเท่ากับผู้รับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้วางเอง ฉะนั้นผู้ร้องทั้งสามจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนได้
พิพากษายืน

Share