คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ขายสินค้าในประเทศญี่ปุ่นตั้งราคาสินค้าให้โจทก์ตามราคาที่ปรากฏในใบกำกับสินค้า (อินวอยซ์) และบัญชีราคาสินค้า (ไพรซ์ลิสท์)ซึ่งเป็นราคาที่ขายให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย เพราะจำเป็นต้องแข่งขันกับสินค้าของผู้ผลิตรายอื่น อีกทั้งสินค้า เป็นอะไหล่รถจักรยานยนต์รุ่นเก่าแต่ผู้ใช้ในประเทศไทยยังใช้อยู่ ประกอบกับมีอะไหล่เทียมขายแข่งขัน แต่ราคาสินค้าก็ยังสูงกว่า ราคา ของอะไหล่รถจักรยานยนต์ยี่ห้ออื่น ซึ่งราคานี้ทางเจ้าพนักงาน ของ จำเลยรับรองหรืออนุมัติราคาไว้แล้ว ดังนี้ ย่อมถือว่าราคาตาม ใบกำกับสินค้าและบัญชีราคาสินค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด จำเลย จะ นำเอาราคาตามบัญชีราคาสูงสุด (เอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์) ที่ จำเลย ขอจากผู้ขายในประเทศญี่ปุ่นและเป็นราคาที่ผู้ขายตั้ง ไว้ สำหรับ เสนอขายแก่ลูกค้าทั่วโลกมาใช้โดยที่ยังไม่ปรากฏว่า เป็น ราคา ที่ ผู้ขายได้ขายตามราคานั้นให้แก่ผู้ใดบ้าง หรือไม่ปรากฏ ว่า โจทก์ ซื้อ สินค้าจากผู้ขายในราคาที่สูงกว่าราคาที่ปรากฏตาม ใบกำกับสินค้า และบัญชีราคาสินค้าไม่ได้ ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 2)เรื่อง ยกเลิกและแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตาม ประมวลรัษฎากร กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยอยู่ในฐานะ เจ้าพนักงานประเมินด้วยเมื่อเจ้าพนักงานได้โต้แย้งราคาสินค้า สั่งให้ตัวแทนของโจทก์แก้ไขเพิ่มเติมราคาสินค้าตลอดจนค่าอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้น จึงถือได้ว่าคำสั่งของ เจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวเป็นการแจ้งประเมินค่าภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล ด้วยโจทก์จึงต้องอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์เสียก่อนจึงจะมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลเกี่ยวกับ ค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อสินค้าและนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าโดยสำแดงราคาสินค้าตามราคาซื้อขายที่แท้จริง แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินราคาและเรียกเก็บอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน 2,649,145.94 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้านั้น มิใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดราคาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด โจทก์ได้ชำระค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลแล้วแต่มิได้อุทธรณ์การประเมินตามประมวลรัษฎากร จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยคืนเงินค่าอากรขาเข้าจำนวน1,498,118.75 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยในชั้นนี้มีว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรมีราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเท่าใด โจทก์มีนายวานิชจันทร์จรุงจิต เบิกความว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาดังกล่าวโจทก์ซื้อมาตามราคาที่ปรากฏในใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์โดยโจทก์ชำระราคาแก่ผู้ขายผ่านธนาคาร ซึ่งโจทก์มีใบแจ้งหนี้ ตั๋วแลกเงินเอกสารแสดงการแลกเงินตราต่างประเทศและทรัสต์รีซีทสนับสนุนว่าโจทก์ชำระค่าสินค้าแก่ผู้ขายตามราคาในใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์ราคาดังกล่าวตรงกับราคาในบัญชีราคาสินค้าหรือไพรซ์ลิสท์ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยรับรองราคาหรืออนุมัติราคาแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 และใช้บังคับตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2528 ซึ่งนายมาโนชบุญค้ำ พยานจำเลยเบิกความรับว่า มีการรับรองราคาตามบัญชีราคาสินค้าหรือไพรซ์ลิสท์ ฉบับปี พ.ศ. 2526 จริง และใช้บังคับติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ. 2528 พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยเพิ่งจะนำบัญชีราคาสินค้าส่งออกหรือเอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์ ตามเอกสารหมาย ล.12ถึง ล.15 มาใช้เป็นเกณฑ์ราคาในการประเมินเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์2529 ตามที่ปรากฏในเอกสารหมาย ล.10 แผ่นที่ 31 ราคาตามบัญชีราคาสินค้าส่งออกหรือเอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์นี้มีอยู่ 129 รายการที่ราคาเท่ากับราคาในใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์ คงมีอยู่เพียง73 รายการที่ราคาสูงกว่าราคาในใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์ซึ่งโจทก์นำสืบให้เหตุผลว่า ราคาตามบัญชีราคาสินค้าส่งออกหรือเอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์เป็นราคาสูงสุดที่บริษัทผู้ขายตั้งไว้สำหรับเสนอขายแก่ลูกค้าทั่วโลก ส่วนราคาตามบัญชีราคาสินค้าหรือไพรซ์ลิสท์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยรับรองไว้เดิมเป็นราคาที่ผู้ขายขายแก่ลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งจำเป็นต้องแข่งขันกับสินค้าของผู้ผลิตรายอื่นอีกทั้งเป็นอะไหล่รถจักรยานยนต์รุ่นเก่า แต่ผู้ใช้ในประเทศไทยยังคงใช้อยู่ ประกอบกับมีอะไหล่ของเทียมขายแข่งขันทั้งราคาตามบัญชีราคาสินค้าหรือไพรซ์ลิสท์ก็สูงกว่าราคาอะไหล่ของรถจักรยานยนต์ยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว ซึ่งมีเหตุผลที่รับฟังได้ราคาตามบัญชีราคาสินค้าส่งออกหรือเอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์จึงมิใช่ราคาที่ซื้อขายกันโดยแท้จริง ส่วนราคาตามใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์และบัญชีราคาสินค้าหรือไพรซ์ลิสท์เป็นราคาที่ได้ซื้อขายกันโดยแท้จริง ซึ่งจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อสินค้าจากบริษัทผู้ขายในราคาที่สูงกว่าราคาตามใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์และราคาตามบัญชีราคาสินค้าหรือไพรซ์ลิสท์ โดยชำระราคาเพิ่มเติมกันด้วยวิธีอื่น ทั้งมิได้นำสืบให้เห็นว่าราคาตามบัญชีราคาสินค้าส่งออกหรือเอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์นั้น บริษัทผู้ขายได้ขายแก่ลูกค้ารายใดไปตามราคาดังกล่าว ฉะนั้นเพียงแต่ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยไปขอบัญชีราคาสินค้าส่งออกหรือเอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์มาได้จากบริษัทผู้ขาย จึงไม่เพียงพอที่จะฟังว่าโจทก์ซื้อสินค้าที่นำเข้ามาตามราคาในบัญชีราคาสินค้าส่งออกหรือเอ็กซ์ปอร์ตไพรซ์ลิสท์พยานโจทก์ดังกล่าวแล้วมีน้ำหนักดีกว่าพยานจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าโจทก์ซื้อสินค้าที่นำเข้ามาตามราคาในใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์ เมื่อโจทก์ได้สำแดงราคาสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตามฐานราคาในใบกำกับสินค้าหรือใบอินวอยซ์จึงถือได้ว่าราคาที่โจทก์สำแดงเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดอุทธรณ์ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ขณะโจทก์ปฏิบัติพิธีการศุลกากรพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยสั่งเพิ่มราคาสินค้าในใบขนสินค้าและแบบแสดงรายการการค้าให้สูงขึ้นเท่านั้น มิได้แจ้งการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่ต้องอุทธรณ์การประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 ก็มีสิทธิฟ้องขอคืนค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาลนั้น เห็นว่า การที่พนักงานเจ้าหน้าที่กองพิธีการและประเมินอากรของจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานประเมินตามประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงาน (ฉบับที่ 2) เรื่องยกเลิกและแต่งตั้งเจ้าพนักงานประเมินตามประมวลรัษฎากรประกาศณ วันที่ 25 ตุลาคม 2513 สั่งให้ตัวแทนของโจทก์แก้ไขเพิ่มราคาสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตลอดจนรายการค่าอากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้น มิฉะนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่จะงดปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับสินค้าที่โจทก์นำเข้า อันเป็นการโต้แย้งราคาสินค้าและค่าภาษีอากรที่โจทก์ได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าไว้เพราะราคาสินค้าที่นำเข้าเป็นฐานของการคิดค่าภาษีอากร การโต้แย้งราคาจึงเป็นการโต้แย้งค่าภาษีอากรด้วย จึงถือได้ว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวเป็นการแจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระค่าภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นจากที่โจทก์ได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าไว้ ซึ่งคำฟ้องของโจทก์ก็ยอมรับว่าเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินราคาสินค้าเพิ่มและเรียกเก็บค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มจากโจทก์แล้ว ดังนั้น เมื่อตัวแทนของโจทก์ได้ชำระค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาลตามการประเมินแล้วมาอ้างว่าได้ชำระเกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมาย ขอเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินให้อันเป็นการโต้แย้งผลการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินโจทก์จึงต้องอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้วินิจฉัยเสียก่อนว่า โจทก์เสียไว้เกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมายหรือไม่เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำสั่งวินิจฉัยแล้ว โจทก์จึงจะอุทธรณ์ต่อศาลหรือนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้ตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 30บัญญัติไว้ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาลได้
พิพากษายืน.

Share