แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2528 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันครอบครองถั่วแขกจำนวน 15 กระสอบหนัก 1,776 กิโลกรัม ราคา 10,000 บาท ของผู้เสียหายไว้ ต่อมาระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2528 เวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังถั่วแขกดังกล่าวเป็นของตน ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังยักยอกถั่วแขกของผู้เสียหายไปในระหว่างเวลาดังกล่าว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 83 ให้จำเลยคืนหรือใช้ถั่วแขกหรือใช้ราคา 10,000 บาทแก่ผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ระหว่างพิจารณานางสาวเสริมศรี แซ่เล้า ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จำคุกคนละ 2 เดือน ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 10,000 บาทแก่ผู้เสียหายศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 เดือน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218และศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยทั้งสองเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ฟ้องระบุวันเวลาที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดหลายวัน จำเลยไม่อาจเข้าใจข้อหาได้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2528 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันครอบครองถั่วแขก จำนวน 15 กระสอบหนัก 1,776 กิโลกรัม ราคา 10,000 บาท ของนางสาวเสริมศรี แซ่เล้าผู้เสียหายไว้ ต่อมาระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2528 ถึงวันที่ 6 มกราคม2528 เวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังถั่วแขกดังกล่าวเป็นของตน เห็นว่า ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเบียดบังยักยอกถั่วแขกของผู้เสียหายไปในระหว่างวันเวลาดังกล่าว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน