แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายและโจทก์ร่วมมาก่อนเกิดเหตุ เนื่องจากพวกของจำเลยตบหน้าผู้ตาย เมื่อจำเลยขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน ผู้ตายและโจทก์ร่วมขับรถจักรยานยนต์วนไปมาโดยถือเหล็กแป๊บมาด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยเชื่อว่าผู้ตายและโจทก์ร่วมจะตามมาเอาเรื่องจำเลย เมื่อจำเลยกลับถึงบ้านจึงบอกบิดาจำเลยแล้วนำอาวุธปืนออกมา การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยและบิดาจำเลยเกิดความโกรธที่ผู้ตายและโจทก์ร่วมตามมาเอาเรื่องจำเลยโดยมีอาวุธมาเพื่อใช้ทำร้ายจำเลย จำเลยและบิดาจำเลยจึงได้ตอบโต้โดยตระเตรียมอาวุธปืนเพื่อมายิงต่อสู้กับผู้ตายและโจทกร่วม และเมื่อผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จำเลยและบิดาจำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์ตามไปประมาณ 200 เมตร จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ด้านหลัง โดยที่ผู้ตายและโจทก์ร่วมมิได้ต่อสู้ด้วย กรณีที่เกิดขึ้นจำเลยและบิดาจำเลยมีโอกาสคิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิด หาใช่เป็นการกระทำในลักษณะปัจจุบันทันด่วนไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 91, 288, 289, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ, 55, 72 ทวิ, 78 ริบหัวกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง และนับโทษจำเลยต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1236/2550 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา นายอุดร ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาความผิดต่อชีวิต (ที่ถูก ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น) และยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินค่าสินไหมทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาล 300,000 บาท ค่าขาดประโยชน์จากการไม่สามารถทำงานได้ 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 40,625 บาท
นางจิราวดีมารดาของนายขวัญชัย ผู้ตายยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพ 250,000 บาท ค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูและค่าขาดแรงงาน 400,000 บาท รวมเป็นเงิน 650,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 85,312 บาท
จำเลยไม่ยื่นคำให้การในคดีส่วนแพ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4), 289 (4) ประกอบมาตรา 80 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนกับฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย จำคุก 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน เมื่อลงโทษประหารชีวิตในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นมารวมหรือนับโทษต่อได้อีก จึงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยเพียงสถานเดียว ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องเป็นเงิน 510,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 กันยายน 2552) ห้ามมิให้เกิน 85,312 บาท กับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมเป็นเงิน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จแต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 กันยายน 2552) ห้ามมิให้เกิน 40,625 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดต่อชีวิตจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 288 ประกอบมาตรา 80 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นอันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกตลอดชีวิต ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย คงจำคุก 4 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 33 ปี 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและโจทก์ร่วม เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมมีนายวุฒิพงษ์เบิกความเป็นพยานซึ่งมีสาระสำคัญสอดคล้องเชื่อมโยงกับคำเบิกความของโจทก์ร่วมและคำให้การของนายวุฒิพงษ์ในชั้นสอบสวน ซึ่งให้การในวันเดียวกับที่เกิดเหตุ ได้ความว่าหลังจากจำเลยส่งนายวุฒิพงษ์แล้วและกำลังขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน จำเลยพบผู้ตายกับโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมขับรถจักรยานยนต์วนไปมาโดยถือเหล็กแป๊บมาด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยเชื่อว่าผู้ตายและโจทก์ร่วมจะตามมาเอาเรื่องจำเลยกับนายวุฒิพงษ์ จึงกลับบ้านไปบอกบิดาของจำเลยแล้วนำอาวุธปืนออกมา การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยและบิดาจำเลยเกิดความโกรธที่ผู้ตายและโจทก์ร่วมตามมาเอาเรื่องจำเลยโดยมีอาวุธมาเพื่อใช้ทำร้ายจำเลยและบิดาจำเลยจึงได้ตอบโต้โดยตระเตรียมอาวุธปืนเพื่อมายิงต่อสู้กับผู้ตายและโจทก์ร่วม และเมื่อผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จำเลยและบิดาของจำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์ตามไปประมาณ 200 เมตร จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและโจทก์ร่วมที่ด้านหลัง โดยที่ผู้ตายและโจทก์ร่วมมิได้ต่อสู้ด้วย กรณีที่เกิดขึ้นจำเลยและบิดาจำเลยมีโอกาสคิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิด หาใช่เป็นการกระทำในลักษณะปัจจุบันทันด่วนไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4), 289 (4) ประกอบมาตรา 80 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกตลอดชีวิต เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นแล้ว ให้จำคุกตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2