แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากและจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง เป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกับความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยมีองค์ประกอบความผิดแตกต่างกัน ทั้งเจตนาในการกระทำความผิดสามารถแยกจากกันได้ การกระทำของจำเลยในความผิดฐานนี้จึงเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากความผิดสองฐานดังกล่าว
ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต สาระสำคัญของการกระทำความผิดอยู่ที่การประกอบกิจการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนความผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากและจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง สาระสำคัญของการกระทำความผิดอยู่ที่สินค้าที่ควบคุมฉลากนั้นไม่มีฉลากหรือจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง หาใช่เกิดจากตัวสินค้าโดยตรงไม่ แผ่นดีวีดีและซีดีของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 38, 54, 79, 82 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 30, 31, 52 ริบของกลางและปรับรายวันเป็นจำนวน 1 วัน ฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน และจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 30, 31, 52 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง, 79, 54 วรรคหนึ่ง, 82 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายสินค้าควบคุมโดยไม่จัดทำฉลากให้ถูกต้อง จำคุก 2 เดือน และปรับ 5,000 บาท ฐานประกอบกิจการจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 200,000 บาท และปรับรายวันตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน 1 วัน เป็นเงิน 1,000 บาท ฐานประกอบกิจการจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 100,000 บาท ปรับรายวันตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน 1 วัน เป็นเงิน 1,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 2 เดือน และปรับ 305,000 บาท ปรับรายวันตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน 1 วัน เป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 152,500 บาท ปรับรายวันตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน 1 วัน เป็นเงิน 1,000 บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน อยู่ในวัยชราและมีโรคประจำตัว กรณีมีเหตุอันสมควรปราณีเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ในวันเวลาเดียวกัน แม้การกระทำความผิดสองฐานดังกล่าวจะเป็นความผิดต่อบทบัญญัติของกฎหมายหลายบทก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่จำเลยมีเจตนาโดยมุ่งประสงค์ต่อผลเดียวคือเพื่อประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน ซึ่งได้กระทำไปในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยในความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจึงเป็นกรรมเดียว ส่วนความผิดขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากและจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง เป็นความผิดต่อกฎหมายคนละฉบับกับความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน โดยมีองค์ประกอบแห่งความผิดที่แตกต่างกัน ทั้งเจตนาในการกระทำความผิดสามารถแยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยในความผิดฐานนี้ จึงเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากความผิดสองฐานดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองให้ริบแผ่นดีวีดีภาพยนตร์ 46 แผ่น แผ่นดีวีดีคาราโอเกะ 11 แผ่น แผ่นซีดีภาพยนตร์ 360 แผ่น แผ่นซีดีคาราโอเกะ 84 แผ่น และแผ่นเพลงเอ็มพีสาม 105 แผ่น ของกลางนั้น เห็นว่า ความผิดที่ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง, 79, 54 วรรคหนึ่ง, 82 สาระสำคัญของการกระทำความผิดอยู่ที่จำเลยประกอบกิจการโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน ส่วนความผิดขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากและจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง สาระสำคัญของการกระทำความผิดอยู่ที่สินค้าที่ควบคุมฉลากนั้นไม่มีฉลากหรือจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง หาใช่เกิดจากตัวสินค้าโดยตรงไม่ ดังนั้น ของกลางดังกล่าวจึงมิใช่ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) และให้คืนแก่เจ้าของ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับ 200,000 บาท และปรับรายวันตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน 1 วัน เป็นเงิน 1,000 บาท กับจำเลยมีความผิดฐานขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากและจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 5,000 บาท รวมจำคุก 2 เดือน ปรับ 206,000 บาท เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 103,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยในกรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังมีกำหนด 1 ปี ไม่ริบแผ่นดีวีดีภาพยนตร์ 46 แผ่น แผ่นดีวีดีคาราโอเกะ 11 แผ่น แผ่นซีดีภาพยนตร์ 360 แผ่น แผ่นซีดีคาราโอเกะ 84 แผ่น และแผ่นเพลงเอ็มพีสาม 105 แผ่น ของกลาง แต่ให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์