แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีเดิม จำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อโจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาส่วนคดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่สามารถคืนให้ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้วดังนี้ แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริงแต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่า สัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกัน โจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม โจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ หรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยฟ้องโจทก์ในคดีนี้ในข้อหาผิดสัญญา (ซื้อขาย) เรียกค่าเสียหาย ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์คืนเงินค่าเครื่องดูดขี้กบ (ที่ซื้อขายกัน) ให้แก่จำเลย โจทก์ได้นำเงินวางศาลชำระให้จำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมคืนเครื่องดูดขี้กบให้โจทก์ โจทก์ทวงถาม จำเลยพาโจทก์ไปรับคืนกลับปรากฏว่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหายหมด ซึ่งเป็นความผิดของจำเลย จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยใช้เงินค่าเครื่องดูดขี้กบ 30,400 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์รู้ว่าจะต้องใช้สิทธิหรือดำเนินกระบวนพิจารณาทางศาลในการฟ้องแย้งเรียกค่าสินค้าจากจำเลยได้แล้ว แต่โจทก์ไม่ใช้สิทธินั้นภายใน 2 ปี คดีของโจทก์จึงขาดอายุความโจทก์เป็นผู้ดัดแปลงแก้ไขทำให้เครื่องดูดขี้กบของโจทก์เสียเอง จำเลยบอกให้โจทก์รับคืนไปแล้ว และโจทก์ทราบดีแล้วว่าสินค้าของโจทก์เสียหายหมดแล้ว โจทก์ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินคืนเสียภายในกำหนด 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความเรียกร้อง และไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ไม่ขาดอายุความ จำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าการที่ไฟไหม้เครื่องดูดขี้กบในขณะที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยเป็นเหตุสุดวิสัยจึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ โดยเห็นสมควรกำหนดให้ใช้ 20,266.66 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีจากวันฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นข้อแรกที่จำเลยฎีกา คือฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่นั้น เห็นว่า คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบ ขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อ โจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญา ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่สามารถคืนให้แก่โจทก์ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้ว ฉะนั้น แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริง แต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกัน จึงหาเป็นฟ้องซ้ำไม่
ประเด็นข้อสองจำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ปัญหาข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์กับจำเลยได้เลิกกันตามที่ศาลฎีกาในคดีแพ่งหมายเลขแดงของศาลชั้นต้นที่ 2323/2510 ได้วินิจฉัยไว้แล้ว โจทก์และจำเลยก็ย่อมจะกลับคืนสู่ฐานะเดิม กรรมสิทธิ์ของเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม โจทก์จึงชอบที่จะติดตามเอาเครื่องดูดขี้กบคืนได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ จำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องคืนเครื่องดูดขี้กบ ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่สามารถคืนเครื่องดูดขี้กบให้แก่โจทก์ได้ โดยมีเหตุที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ราคาเครื่องดูดขี้กบให้แก่โจทก์ กรณีนี้หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเอาทรัพย์คืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้ดังที่จำเลยอ้างมาในฎีกาไม่
พิพากษายืน