แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 83 ที่กำหนดให้ผู้ขายทอดตลาดร้องขานจำนวนเงินที่มีผู้สู้ราคาระหว่างการนับนั้นนอกจากเพื่อให้เป็นที่ชัดเจนแก่ผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นเพื่อไตร่ตรองก่อนตัดสินใจว่าจะสู้ราคาขึ้นไปอีกหรือไม่แล้วยังมีเจตนารมณ์เพื่อให้โอกาสแก่ผู้เข้าสู้ราคารายอื่นซึ่งมิได้อยู่ร่วมในการประมูลสู้ราคามาแต่ต้นแต่เพิ่งมาถึงได้ทราบราคาที่มีผู้สู้ราคาไว้แล้ว เพื่อจะได้ประกอบการตัดสินใจว่าสมควรสู้ราคาขึ้นไปอีกหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ร้องอยู่ร่วมเข้าสู้ราคามาแต่ต้น ผู้ร้องย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าผู้คัดค้านได้เสนอราคามาถึงเท่าใดและอาจตัดสินใจได้ว่าจะสู้ราคาขึ้นไปอีกหรือไม่ ดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าระหว่างการนับ 1 ถึง 3 แต่ละช่วงเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ขานจำนวนเงินที่มีผู้สู้ราคาครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง 3-4 คน ตามนัยแห่งระเบียบดังกล่าวก็หามีผลทำให้ผู้ร้องไม่มีโอกาสเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้นดังที่ผู้ร้องอ้าง พฤติการณ์ฟังไม่ได้ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองที่จะขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้โจทก์ปรากฏว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ซื้อได้ในราคา 3,705,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดฝ่าฝืนต่อกฎหมายและวิธีปฏิบัติ โดยได้ขานราคาสูงสุดแล้ว นับหนึ่งถึงสามต่อเนื่องกันไปมิได้ขานราคาสูงสุดระหว่างนับหนึ่งถึงสามและใช้เวลานับไม่ถึง 2 วินาที ทำให้ผู้ร้องไม่มีโอกาสเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้น ขอให้มีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด และให้ขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่
โจทก์และผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความในเบื้องต้นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 เพื่อชำระหนี้โจทก์ เมื่อวันที่26 กรกฎาคม 2533 มีผู้เข้าสูงราคารวม 3 คน คือ ผู้ร้องผู้คัดค้าน และผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ ในที่สุดเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้คัดค้านตามความเห็นชอบของศาลชั้นต้นในราคา 3,705,000 บาท คดีมีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวโดยไม่ชอบ อันจะเป็นเหตุให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเสียได้หรือไม่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าระหว่างนับ 1 ถึง 3 แต่ละช่วงเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ขานจำนวนเงินที่มีผู้สู้ราคาครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง 3-4 หน ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 83ที่กำหนดไว้ว่า “ตามปกติให้ผู้ขายร้องขานจำนวนเงินที่มีผู้สู้ราคาครั้งที่หนึ่ง 3-4 หน ถ้าไม่มีผู้สู้ราคาสูงขึ้นให้เปลี่ยนร้องขานเป็นครั้งที่สองอีก 3-4 หน เมื่อไม่มีผู้สู้ราคาสูงกว่านั้นและได้ราคาพอสมควรก็ให้ลงคำสามพร้อมกับเคาะไม้ แต่ถ้าก่อนเคาะไม้มีผู้สู้ราคาสูงขึ้นไปอีกก็ให้ร้องขานราคานั้นตั้งต้นใหม่ตามลำดับดังกล่าวแล้ว” การขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้จึงไม่ชอบตามระเบียบดังกล่าวข้างต้น แต่ศาลฎีกาเห็นว่าระเบียบข้อนี้ที่กำหนดให้ผู้ขายทอดตลาดร้องขานจำนวนเงินที่มีผู้สู้ราคาระหว่างการนับนั้นนอกจากเพื่อให้เป็นที่ชัดเจนแก่ผู้เข้าสู้ราคาคนอื่นเพื่อไตร่ตรองก่อนตัดสินใจว่าจะสู้ราคาขึ้นไปอีกหรือไม่แล้วย่อมเป็นที่เห็นได้ว่ายังมีเจตนารมณ์เพื่อให้โอกาสแก่ผู้เข้าสู้ราคารายอื่น ซึ่งมิได้อยู่ร่วมในการประมูลสู้ราคามาแต่ต้น แต่เพิ่งมาถึงได้ทราบราคาที่มีผู้สู้ราคาไว้แล้ว เพื่อจะได้ประกอบการตัดสินใจว่าสมควรสู้ราคาขึ้นไปอีกหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ร้องอยู่ร่วมเข้าสู้ราคามาแต่ต้น ผู้ร้องย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าผู้คัดค้านได้เสนอสู้ราคามาถึงเท่าใด และอาจตัดสินใจได้ว่าจะสู้ราคาขึ้นไปอีกหรือไม่ ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าระหว่างการนับ 1 ถึง 3 แต่ละช่วง เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ขานจำนวนเงินที่มีผู้สู้ราคาครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง3-4 หน ตามนัยแห่งระเบียบข้อดังกล่าว ก็หามีผลทำให้ผู้ร้องไม่มีโอกาสเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคำร้องไม่พฤติการณ์แห่งคดียังฟังไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ที่ผู้ร้องจะขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องมาชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน